![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2020/12/STOCK_Template_KEX-1024x576.png)
นายประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานของบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/65 เป็นผลมาจากการที่ต้นทุนเริ่มปรับลดลงมาใกล้เคียงหรือต่ำกว่าราคาค่าบริการขนส่งสินค้าและพัสดุ
ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการปรับลดราคาให้บริการขนส่งสินค้าและพัสดุภายใต้กลยุทธ์ Market Leadership เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่งสูงสุด เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการให้บริการของ Kerry Express ได้อย่างทั่วถึง สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันกับคู่แข่งรายเดิม และปิดกั้นโอกาสของผู้เล่นรายใหม่ บริษัทจึงจำเป็นต้องทำสงครามราคา ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนการบริหารจัดการและการขนส่งต่างๆยังปรับลดลงไม่ทันกับราคาค่าบริการที่บริษัทปรับลดลงไป
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทได้บริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนต่างๆลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เริ่มเห็นทิศทางของต้นทุนที่ลดลงมาเข้าใกล้กับราคาให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเกิดความสมดุลระหว่างราคาให้บริการและต้นทุนในช่วงไตรมาส 4/65 ทำให้บริษัทเข้าสู่จุดคุ้มทุน และมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ อีกทั้งเชื่อว่าจะสามารถยืนหยัดความเป็นผู้นำครองตลาดให้บริการขนส่งสินค้าและพัสดุได้ ขณะเดียวกันทิศทางของการแข่งขันด้านราคาจากคู่แข่งเริ่มเห็นการชะลอลง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจต่อไปท่ามกลางการแข่งขันราคาที่ลดน้อยลง และสามารถสร้างกำไรอย่างยั่งยืนกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับแนวโน้มปริมาณการใช้บริการขนส่งสินค้าและพัสดุในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 20% จากการที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ชยังมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นอาจจะชะลอลงไปบ้างจากภาวะเงินเฟ้อสูง ทำให้คนบางส่วนชะลอการจับจ่ายซื้อสินค้า แต่ยังคงเห็นปริมาณการขนส่งจากผู้ประกอบการ และลูกค้ารายย่อยที่ส่งสินค้าและพัสดุในระดับสูง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าปริมาณการขนส่งยังคงเห็นการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้ พร้อมกับตั้งเป้ารายได้ของบริษัทเติบโตเฉลี่ยกว่า 20% ต่อปีในช่วง 3-5 ปีนี้
นายประพัฒน์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังคงมีความสนใจในการพัฒนาและขยายธุรกิจการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการจับมือกับพันธมิตร Hive Box ร่วมทุนในธุรกิจสมาร์ทล็อกเกอร์ (Smart Locker) ที่ KEX เข้าไปถือหุ้นราว 18% เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจในระยะยาว โดยมุ่งเน้นกระจายตัวไปตามทำเลสำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑลตามการขยายตัวของเมืองและรถไฟฟ้า
“เรามองความต้องการใช้บริการ Smart Locker ของกลุ่มลูกค้ารายย่อย แบบ C2C ในการส่งสินค้าตามสถานี BTS-MRT คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และมหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งวางเป้าหมายจะขยายตู้ไม่น้อยกว่า 3,000 ตู้ทั่วกรุงเทพฯ และจะเริ่มทยอยติดตั้งในช่วงครึ่งหลังปีของปีนั้ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 20%”
นายประพัฒน์ กล่าว
ขณะเดียวกันในไตรมาส 3/65 บริษัทเตรียมเปิดตัวความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ที่จะเป็นส่วนเสริมศักยภาพในการเข้ามาช่วยขยายช่องทางการให้บริการ และเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีความร่วมมือกับพันธมิตรแพิ่มช่องทางการให้บริการผ่าน CJ Express, ExxonMobil และ Lotus’s ทำให้บริษัทมีจุดให้บริการรับส่งสินค้าและพัสดุในปัจจุบันรวมกันกว่า 33,000 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุม 77 จังหวัด และมีความร่วมมือกับ Betagro ในการเพิ่มบริการ Kerry Cool ที่เพิ่มเข้ามาสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า และขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 65)
Tags: KEX, ประพัฒน์ เสียงจันทร์, หุ้นไทย, เคอรี่ เอ็กซ์เพรส