เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า จำนวนวีซ่านักเรียนนักศึกษาของสหรัฐที่ออกให้แก่ชาวจีนลดลงมากกว่า 50% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยสหรัฐ กำลังร่วงจากอันดับ 1 ประเทศที่นักเรียนนักศึกษาชาวจีนต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามากที่สุด
รายงานระบุว่า นักเรียนนักศึกษาชาวจีนเปลี่ยนใจไปศึกษาต่อในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐ แม้จะเป็นช่วงก่อนเกิดโรคระบาด เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะได้รับการต้อนรับจากสหรัฐหรือไม่ รวมถึงทางเลือกด้านการศึกษาที่มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังมีการจำกัดการเดินทางและความกังวลด้านความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างการระบาดใหญ่
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่าสหรัฐ ได้ออกวีซ่าประเภทเอฟ-1 (F-1) หรือวีซ่านักเรียน จำนวน 31,055 รายการให้แก่ชาวจีน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงจาก 64,261 รายการ ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งการลดลงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของแต่ละรัฐ
สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยโดยอ้างอิงจากข้อมูลจากรายงานฉบับดังกล่าวว่า จีนถือเป็นแหล่งนักเรียนนักศึกษาต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐมานานกว่า 10 ปี โดยพวกเขาจ่ายค่าเล่าเรียนให้แก่มหาวิทยาลัยจำนวนมหาศาล ซึ่งช่วยชดเชยค่าเล่าเรียนจากนักศึกษาในประเทศที่ลดลง และเงินอุดหนุนจากรัฐแก่มหาวิทยาลัยรัฐที่น้อยลง
ทั้งนี้ รายงานจากสถาบันการศึกษานานาชาติ (IIE) ชี้ให้เห็นว่า ชาวจีนครองสัดส่วน 35% ของชาวต่างชาติที่ศึกษาในสหรัฐในปีการศึกษา 2562-2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักศึกษาต่างชาติ ทั้งยังมีส่วนสนับสนุนมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 1.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.6 แสนล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 65)
Tags: จีน, จีนสหรัฐ, วีซ่าสหรัฐ, สหรัฐ