บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ให้น้ำหนัก Overweight กลุ่ม Tourism จากประเด็นข่าวที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 19 ส.ค.นี้ พิจารณาขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่านักท่องเที่ยว (Tourist Visa) จากไม่เกิน 30 วัน เป็น สูงสุดไม่เกิน 45 วัน และขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่าหน้าด่าน (Visa on Arrival : VoA) เพิ่มจากปกติที่ให้ท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่เกิน 15 วัน เป็นสูงสุดไม่เกิน 45 วันเช่นกัน ให้มีผลตั้งแต่วันอนุมัติจนถึง 31 ธ.ค.65 ตามข้อเสนอของภาคเอกชนท่องเที่ยว
ส่วนข้อเสนอจากภาคเอกชนท่องเที่ยวเรื่องขอให้รัฐบาลพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า หลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อ 18 ก.ค. นายกฯ กล่าวไว้ว่า ยังมีความเห็นที่ต้องไปหารือในวงกว้างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
KTBST มองเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มท่องเที่ยว แม้ว่ารอบนี้จะมีการขยายเวลาพำนักให้นานขึ้นเพียงอย่างเดียว จากข่าวก่อนหน้านี้ที่ ททท.เตรียมเสนอให้มีทั้งยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าและขยายเวลาพำนัก แต่อย่างไรก็ดี ภาพรวมก็ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นได้ โดยหุ้นในกลุ่มโรงแรมที่จะได้รับผลบวกจากข่าวดังกล่าวจากมากไปน้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว
ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “มากกว่าตลาด” ชอบ MINT, AOT เรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “มากกว่าตลาด” โดยจากประเด็นนี้ ERW (ซื้อ/เป้า 3.90 บาท) และ CENTEL (ซื้อ/เป้า 50.00 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกมากสุด ขณะที่เรายังชอบ MINT (ซื้อ/เป้า 44.00 บาท) เพราะคาดไตรมาส 2-4 ปี 65 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรทุกไตรมาสและจะโตเด่นเหนือกลุ่ม นอกจากนี้ชอบ AOT (ซื้อ/เป้า 76.00 บาท) ได้ประโยชน์โดยตรงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 65)
Tags: Tourist Visa, Visa on Arrival, VOA, หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นไทย