นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2565 โดยในที่ประชุมมีการหารือใน 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายในการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ได้แก่ สามารถควบคุมการระบาดให้สถานการณ์อยู่ในระดับรุนแรงน้อย โดยพิจารณาตามจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อวัน อัตราครองเตียงผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิต, สามารถเข้าถึงบริการวัคซีน ยาต้านไวรัสได้ง่ายและสะดวก และประชาชนมีพฤติกรรมป้องกันตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม
ส่วนแนวทางปฏิบัติ แบ่งเป็น ด้านกฎหมายปรับสถานะโรคโควิด-19 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์, ด้านการแพทย์ ปรับแนวทางแยกกักผู้ป่วย สถานพยาบาลเอกชน และคลินิก สามารถจัดหายาต้านไวรัสเพื่อให้บริการ, ด้านสาธารณสุข ปรับระบบรายงานโรคและกักกันผู้สัมผัส และด้านการสื่อสารสังคม สร้างความรู้ความเข้าใจประโยชน์ของวัคซีน การจัดการเมื่อมีผู้ติดเชื้อในครอบครัว มาตรการบุคคลและองค์กร
ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการหลังการระบาดใหญ่ (Post Pandemic) มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการบริหารยา วัคซีน เวชภัณฑ์ ซึ่งได้สื่อสารให้โรงพยาบาลในสังกัดต่างๆ เตรียมการจัดหายาต้านไวรัสเอง จะเริ่มดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ โดยใช้กระบวนการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุน เช่นเดียวกับโรคติดเชื้ออื่นๆ เพื่อให้ประชาชนยังสามารถเข้ารับการรักษาได้ตามสิทธิ์
2. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกชื่อ และอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย พ.ศ. …. และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยได้พิจารณาปรับโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
3. รับทราบสถานการณ์ และการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ซึ่งพบแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และประชาชนเริ่มมีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลรักษา อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยังคงเน้นให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมเรื่องเตียง การใช้ยาอย่างเหมาะสม และการฉีดวัคซีน รวมถึงให้โรงพยาบาลพิจารณาการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody: LAAB) ซึ่งกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ และกรุงเทพมหานครแล้ว
4. โรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) ปัจจุบันพบผู้ป่วยยืนยันในประเทศไทยแล้ว 4 ราย ซึ่งประเทศไทยได้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ทั้งที่สนามบิน สถานพยาบาล ชุมชนแหล่ง ท่องเที่ยว โดยได้มีการสั่งวัคซีนป้องกันฝีดาษมาใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ แบบ pre-exposure prophylaxis และผู้มีความเสี่ยงสูงสัมผัสผู้ป่วยแบบ post-exposure prophylaxis
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตประจำวันโดยยึดหลัก “ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย” เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 จะคล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ พบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี อาจมีการระบาดในบางช่วงเวลา ซึ่งการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตมักเกิดกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนและกลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์) โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น กินอาหารร้อนปรุงสุก ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งโรคโควิด-19 และฝีดาษลิง
นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ที่มีอาการเข้าข่ายของโรคฝีดาษลิง โดยเฉพาะผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หนอง ตามผิวหนัง หรือคนแปลกหน้า งดการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่รู้จักเพราะมีความเสี่ยง และหากสงสัยว่ามีอาการป่วยเข้าข่าย สามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อรับการตรวจหาเชื้อได้ทันที
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 65)
Tags: COVID-19, lifestyle, กระทรวงสาธารณสุข, ฝีดาษลิง, อนุทิน ชาญวีรกูล, โควิด-19, โรคติดต่อ