ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (8-12 ส.ค.) ที่ระดับ 35.00-36.00 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดวันศุกร์ที่ 5 ส.ค. ที่ระดับ 35.57 บาท/ดอลลาร์ หลังเงินบาทพลิกแข็งค่าผ่านแนว 36.00 ไปแตะระดับ 35.55 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน
ทั้งนี้ ในช่วงต้นสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ตามภาพรวมของสกุลเงินในเอเชียท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องไต้หวัน ขณะที่เงินดอลลาร์มีแรงประคองจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายที่ให้ความเห็นว่า ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะยังคงต้องปรับขึ้นต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกแข็งค่าในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามการย่อตัวของบอนด์ยีลด์ระยะยาวของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย หลังจากดอกเบี้ยทรงตัวที่ระดับ 0.50% ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 63
ขณะที่ระหว่างวันที่ 1-5 ส.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 4,125 ล้านบาท ขณะที่มีสถานะเป็น NET OUTFLOW ออกจากตลาดพันธบัตร 1,074 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 6,737 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 7,811 ล้านบาท)
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ สัญญาณดอกเบี้ยของไทยจากผลการประชุมกนง. วันที่ 10 ส.ค. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนในประเด็นไต้หวัน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองของผู้บริโภคเดือนส.ค. (เบื้องต้น) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 65)
Tags: KBANK, ค่าเงินบาท, ธนาคารกสิกรไทย, เงินบาท