นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางออกจากไต้หวันหลังเสร็จสิ้นการเยือน ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดี แม้ราคาน้ำมันจะลดลงกดดันกลุ่มพลังงาน แต่จะมีแรงซื้อกลับในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลง ขณะเดียวกันจะได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้า หลังเงินบาทแข็งค่า พร้อมให้แนวต้านที่ 1,600-1,610 จุด และแนวรับ 1,585-1,590 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลหลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางออกจากไต้หวันหลังเสร็จสิ้นการเยือน ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาค่อนข้างดี
ทั้งนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาราว 4% อยู่ที่ 90.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อาจจะเข้าเป็นแรงกดดันในกลุ่มพลังงาน แต่อย่างไรก็ตามก็จะเข้ามาหนุนและมีแรงซื้อกลับในกลุ่มที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ในขณะเดียวกันจะได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้า หลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
พร้อมให้แนวต้านที่ 1,600-1,610 จุด และแนวรับ 1,585-1,590 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 32,812.50 จุด พุ่งขึ้น 416.33 จุด หรือ +1.29% , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,155.17 จุด เพิ่มขึ้น 63.98 จุด หรือ +1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,668.16 จุด เพิ่มขึ้น 319.40 จุด หรือ +2.59%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,930.94 จุด เพิ่มขึ้น 189.04 จุด หรือ +0.68%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,011.25 จุด เพิ่มขึ้น 244.16 จุด หรือ +1.24% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,179.43 จุด เพิ่มขึ้น 15.76 จุด หรือ +0.50%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ส.ค.65.) ที่ระดับ 1,594.73 จุด เพิ่มขึ้น 5.57 จุด, +0.35%
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 23.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค..65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (3 ส.ค.) ร่วงลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 90.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ส.ค.) อยู่ที่ 5.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 36.23 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาประชุม BoE ให้กรอบเคลื่อนไหว 36.10-36.30
– กกร.ห่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หวังพึ่งท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ชี้ขึ้นดอกเบี้ยสอดคล้องปัจจัยเศรษฐกิจ คงจีดีพี 2.75-3.5% ส.อ.ท.ชี้ การเมืองโลก หนุนอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร-ชิป “กอบศักดิ์” ห่วงมรสุมเศรษฐกิจแนะรัดเข็มขัด ย้ำเติมด้วยความตึงเครียดของประเทศขนาดใหญ่ปะทุ “เคเคพี” ระบุไทยอยู่ท่ามกลางจักรวาลคู่ขนาน ที่เผชิญการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงหลายด้าน
– นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาสินค้าทั่วไปที่ขอปรับขึ้นราคาขายว่า กำลังพิจารณาอยู่ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทั้งตรามาม่า ไวไว ยำยำ ที่ขอความร่วมมือตรึงราคามานาน และผู้ผลิตขอขึ้นมาซองละ 2 บาท จาก 6 บาท เป็น 8 บาท ขณะนี้กรมการค้าภายในช่วยดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้สมดุลที่สุด ปรับขึ้นราคาน้อยที่สุด จนผู้ประกอบการไม่ถึงกับขาดทุน เลิกผลิตและนำไปสู่ของขาดแคลน
– นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 3.15 ล้านคน สร้างรายได้ 157,000 ล้านบาท มั่นใจว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะมีจำนวน 10 ล้านคน โดยเดือน ก.ค. เดือนเดียวมีต่างชาติเดินทางเข้าไทย 1.07 ล้านคน อีก 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่าเดือน ส.ค.และ ก.ย. จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนละกว่า 1 ล้านคน และช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีที่เป็นไฮซีซัน ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนละมากกว่า 1.5 ล้านคน
– นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 65 มีค่าดัชนีเท่ากับ 354.5 จุด เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าราคาที่ดินเปล่ามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
– GPSC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 72 บาท แรงกดดันต่อต้นทุนพลังงานเริ่มลดลงหลังจากแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวเป็น Sentiment บวกกับโรงไฟฟ้าประกอบกับมีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นค่า Ft ให้เก็งกำไรเป็นบวกกับผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนของโรงไฟฟ้า SPP และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นภาคอุตสาหกรรมสูง
– BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 31.00 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/65 +84% Y-Y เป็น 2.7 พันลบ. สูงกว่าช่วงก่อนโควิด 46% หนุนจากผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางและ CLMV รายได้ปีนี้ที่คาด +12% Y-Y อาจมี upside จากผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มมากกว่าคาดโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางและ CLMV เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางที่กลับมาถึง 70% ของช่วงก่อนโควิดตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. แล้ว
– PTG(กสิกรไทย) ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 17.0 บาท เราคาดกำไรงวดไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 400 ล้านบาท จะเติบโตสูง 150%QoQ แรงหนุนจาก GPM/ลิตร ที่สูง และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงเมื่อคืน ประเมินจะบวกต่อ PTG เราเชื่อว่าราคาน้ำมันที่ลดลงน่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าการตลาดขายปลีกน้ำมันหรือมี Upside ราคาหุ้น PTG ปัจจุบัน Valuation ค่อนข้างถูกสะท้อนจาก PBV ปี 2566 ที่2.3x ต่ำกว่า -1SD
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ส.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย