เรื่องราวที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้นข่าวนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งถ้าเป็นนักการเมืองประเทศอื่นเดินทางเยือนไต้หวันก็คงฟังดูเป็นเรื่องการทูตธรรมดา แต่เมื่อเป็นการเดินทางของบุคคลที่ทรงอิทธิพลมาก ๆ จากประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐ เพื่อเยือนดินแดนที่มหาอำนาจอันดับสองของโลกอย่างจีนเตือนไว้หลายครั้งหลายคราวว่าห้ามมาแล้ว ความเคลื่อนไหวนี้จึงถูกเพ่งเล็งแบบเลี่ยงไม่ได้
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับจีน ซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ โดยจีนเคยเตือนว่าจะออกมาตรการตอบโต้หากนางเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวันจริง ทั้งยังเคยออกแถลงการณ์ที่มีนัยว่าจีนอาจใช้กำลังทางทหารเพื่อเป็นการตอบโต้ ทำให้ทริปนี้กลายเป็นที่จับตาจากคนทั่วโลก เพราะหวั่นซ้ำรอยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนทั่วโลกยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้
เที่ยวบินที่ถูกจับตามากที่สุดในประวัติศาสตร์
เครื่องบินโบอิ้งของกองทัพอากาศสหรัฐซึ่งมีนางแนนซี เพโลซี อยู่ด้วยนั้น ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานไทเปของไต้หวันเมื่อช่วงเวลาเกือบ 4 ทุ่มของเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนางเพโลซีวัย 82 ปี ได้ปรากฏตัวสู่เลนส์กล้องสื่อมวลชนด้วยชุดสูทและกางเกงสีชมพูสดใส และรองเท้าส้นสูงสีขาว ซึ่งประกาศศักดาได้อย่างน่าจดจำ
ด้าน Flightradar24 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลอัปเดตตำแหน่งเครื่องบิน เปิดเผยว่า SPAR19 ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่นางแนนซี เพโลซี โดยสารเมื่อคืนนี้ เป็นเที่ยวบินที่มีผู้กดติดตามมากที่สุดเท่าที่ทางเว็บไซต์เคยให้บริการมา โดยมีผู้กดติดตามรวมกันกว่า 700,000 ราย ส่งผลให้เว็บล่มจนผู้ที่จะกดเข้าดูต้องรอคิวเป็นชั่วโมง
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของ Flightradar24 เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่เที่ยวบิน SPAR19 แล่นออกจากมาเลเซีย เที่ยวบินดังกล่าวก็ถูกจับตามองมากที่สุดอยู่แล้วเมื่อเทียบกับเที่ยวบินอื่น ๆ ในคืนนั้น ขณะที่ในไทยเองก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเที่ยวบินดังกล่าวอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน เพื่อดูว่าเที่ยวบินนี้จะบินไปไต้หวันจริง ๆ หรือไม่ เพราะในช่วงที่เครื่องบินเพิ่งแล่นออกจากมาเลเซีย ขณะนั้น Flightradar24 ยังไม่ได้ให้ข้อมูลระบุปลายทาง ก่อนที่จะปรากฏปลายทางเป็นไต้หวันก่อนเครื่องแล่นลงจริง ๆ ไม่นาน
Flightradar24 เปิดเผยว่า เที่ยวบินที่ถูกจับตามองมากที่สุดก่อนที่จะถูกเที่ยวบินของนางเพโลซีแซงไปได้นั้น เป็นเที่ยวบินของนายอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย ศัตรูหมายเลขหนึ่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งขณะนั้นมีผู้ติดตามตำแหน่งของเที่ยวบินดังกล่าวประมาณ 550,000 คน
ความเคลื่อนไหวจากจีน
หลังนางแนนซี เพโลซี ถึงไต้หวันได้ไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศจีนก็ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที โดยประณามว่าเป็นการละเมิดหลักการจีนเดียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรากฐานความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐ รวมทั้งละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของจีน ขณะที่ทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า จีนคัดค้านและไม่สามารถยอมรับการเดินทางเยือนไต้หวันของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ รวมถึงการเดินทางของนางเพโลซี ซึ่งเป็นประธานสภาคองเกรส และจีนจะใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซี และสหรัฐจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งยุติการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าจีนจะตอบโต้สหรัฐด้วยวิธีการใด หลังจากที่หลายฝ่ายวิตกก่อนหน้านี้ว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีจะเป็นการยั่วยุจีน และทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันทางทหารระหว่างจีนและสหรัฐ
ด้านกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ก็ได้ออกแถลงการณ์เตือนเมื่อคืนนี้เช่นกันว่า จีนจะดำเนินการทางทหารโดยมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เพื่อตอบโต้ต่อการเดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้
นอกจากนี้ ทางการจีนยังได้ประกาศว่าจะจัดการซ้อมรบทางทหาร ซึ่งรวมถึงการทดสอบยิงขีปนาวุธใกล้กับเขตแดนไต้หวันในช่วงเช้าวันนี้ และจะจัดการซ้อมรบบริเวณรอบ ๆ เกาะไต้หวันตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.นี้ ขณะที่สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานว่า จีนได้เริ่มทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศรอบเกาะไต้หวันแล้ว ถือเป็นการใช้มาตรการเชิงรุกทางทหารที่แข็งกร้าวที่สุดของจีนในรอบหลายสิบปี
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น จีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาโดยตลอด โดยจีนพยายามกันไต้หวันออกจากเวทีโลก ไม่ว่าจะด้วยการบีบให้บางประเทศเลิกเป็นพันธมิตรกับไต้หวัน ไปจนถึงห้ามไม่ให้ไต้หวันเข้าร่วมองค์กรระหว่างประเทศ
การเรียกไต้หวันเป็นประเทศหรือทำให้ไต้หวันมีความชอบธรรมในระดับนานาชาติจะถูกจีนตอบโต้อย่างรุนแรง ซึ่งการที่ประเทศอื่น ๆ ให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่ของไต้หวันในการเยือนประเทศ หรือการที่ประเทศอื่นส่งเจ้าหน้าที่ของตนเยือนไต้หวัน ก็เข้าข่ายนี้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันให้การต้อนรับนักการเมืองสหรัฐมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนักการเมืองที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่หรือพ้นตำแหน่งไปแล้ว
แต่นางเพโลซีนั้นมีอิทธิพลเหนือกว่านักการเมืองคนอื่น ๆ มาก เป็นรองเพียงประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีเท่านั้น ขณะที่บางคนอาจมองว่าประธานสภาผู้แทนฯ มีอำนาจมากกว่าผู้นำประเทศด้วยซ้ำ เพราะประธานสภาผู้แทนฯ มีอำนาจในการควบคุมงบประมาณ ซึ่งทำให้มีอำนาจทางอ้อมในการควบคุมการทำงานของรัฐบาล นอกจากนั้น นางเพโลซียังมีท่าทีแข็งกร้าวชัดเจนต่อจีน การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีจึงเป็นการกระทำที่ยั่วยุจีนอย่างยิ่ง และทำให้เป็นที่วิตกกันว่าจีนจะใช้กำลังทางทหารในลักษณะใดบ้าง เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่จีนเคยส่งเครื่องบินตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของเจ้าหน้าที่สหรัฐคนอื่นๆ ที่มีอิทธิพลน้อยกว่านางเพโลซีมาแล้ว
การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีนับเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเยือนไต้หวัน นับตั้งแต่ที่นายนิวต์ กิงริช ประธานสภาผู้แทนฯ ในสมัยนั้น ได้เดินทางเยือนไต้หวันหลังเพิ่งจบทริปเยือนจีน ซึ่งขณะนั้นจีนก็ออกแถลงการณ์ตอบโต้เช่นกัน แต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ ซึ่งจีนมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นมากแล้วในเวทีโลก และพร้อมตอบโต้กับทุกประเทศที่ให้ความชอบธรรมกับไต้หวัน
ความเคลื่อนไหวในไต้หวัน
นางเพโลซีได้รับการต้อนรับที่สนามบินโดยนายโจเซฟ อู่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของไต้หวัน ขณะที่ตึกเทไป 101 อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็แสดงข้อความต้อนรับนางเพโลซีด้วย โดยนางแนนซี เพโลซี มีกำหนดการพบปะกับนางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน รวมถึงกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในการเดินทางเยือนครั้งนี้ด้วย
ล่าสุดนางแนนซี เพโลซี ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาไต้หวันในวันนี้ โดยได้กล่าวขอบคุณปธน.ไช่สำหรับบทบาทความเป็นผู้นำและขอให้ทั้งสองฝ่ายประสานความร่วมมือด้านรัฐสภาเพิ่มมากขึ้น” เราขอแสดงความชื่นชมไต้หวันที่ยืนหยัดในความเป็นสังคมที่มีเสรีภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก” นางเพโลซีกล่าวต่อรัฐสภาไต้หวัน
นอกจากนี้ นางเพโลซียังกล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐมีเป้าหมายที่จะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐเพื่อแข่งขันกับจีน โดยสหรัฐพร้อมเปิดโอกาสด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับไต้หวันเพิ่มขึ้น
ด้านนางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้กล่าวขอบคุณนางเพโลซีที่สนับสนุนไต้หวัน และยังได้มอบเหรียญประดับยศให้นางเพโลซีด้วย นอกจากนี้ ผู้นำไต้หวันยังได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า การที่รัสเซียบุกยูเครนทำให้ประเด็นความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันถูกจับตา และหากไต้หวันถูกรุกรานแล้วก็จะส่ง “ผลกระทบมหาศาลต่อความมั่นคงของทั้งอินโดแฟซิฟิก”
อย่างไรก็ดี ผู้นำไต้หวันออกตัวชัดเจนว่าไต้หวันจะไม่ยอมถอยแม้จะถูกจีนข่มขู่รุนแรง พร้อมขอแรงสนับสนุนจากชาติประชาธิปไตยแห่งอื่น ๆ ให้ร่วมปกป้องคุณค่าของประชาธิปไตยร่วมกับไต้หวัน
อาจไม่ปะทุเป็นสงครามใหญ่
แม้สื่อทั่วโลกจับตาการเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีอย่างใกล้ชิด แต่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สื่อไต้หวันไม่ค่อยหยิบประเด็นดังกล่าวไปรายงานมากอย่างที่คาดหวังไว้ โดยสื่อไต้หวันส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใกล้จะมีขึ้นมากกว่า รวมถึงข่าวเกี่ยวกับการซ้อมรบของไต้หวันเอง
ด้านนักวิเคราะห์ทางการเมืองมองว่า แม้จีนได้ออกแถลงการณ์ข่มขู่กรณีนางเพโลซีเยือนไต้หวัน แต่ความขัดแย้งดังกล่าวอาจจะไม่ปะทุถึงขั้นใช้กำลังทางทหารใส่กันอย่างจริงจังเหมือนในยุโรป เนื่องจากช่วงนี้เป็นเวลาที่มีความเปราะบางอย่างยิ่งในแวดวงการเมืองของจีน เมื่อนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ใกล้จะได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่สาม
นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลจีนไม่น่าจะต้องการกระทบกระทั่งกับสหรัฐในช่วงเวลาเปราะบางเช่นนี้ เพราะจีนเองก็มีเรื่องที่ต้องใส่ใจอยู่แล้ว แต่จีนก็ต้องออกมาแสดงท่าทีตอบโต้เพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนไม่ยอมใครง่าย ๆ ขณะที่ปธน.สีต้องแสดงให้เห็นว่าตนควบคุมสถานการณ์ได้เมื่อถูกประเทศอื่นยั่วยุ เพื่อให้ประชาชนยอมรับเมื่อเขาดำรงตำแหน่งต่อ และไม่ให้ผู้คัดค้านอำนาจรัฐบาลหยิบประเด็นดังกล่าวไปตำหนิปธน.สี
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเตรียมจัดการประชุมผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนแห่งชาติครั้งที่ 20 ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงราว ๆ เดือนต.ค. หรือไม่ก็พ.ย. การประชุมดังกล่าวจะเป็นการปรับเปลี่ยนผู้นำครั้งใหญ่ ทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่า ปธน.สีไม่น่าจะเลือกใช้กำลังทางทหารอย่างจริงจัง น่าจะเพียงยกระดับการปฏิบัติการทางทหารบริเวณช่องแคบไต้หวันเพื่อสร้างความตึงเครียด หรือถ้าในกรณีรุนแรงที่สุดก็น่าจะเพียงยิงขีปนาวุธใกล้ชายฝั่งไต้หวันอย่างที่เคยทำในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 เพื่อไม่ให้จีนดูอ่อนแอ
นอกจากนี้ การใช้กำลังทหารเพียงแค่เพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีก็ดูเป็นเรื่องเกินเหตุ และผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่าจีนเองก็ยังไม่พร้อมเปิดสงครามเต็มที่
ส่วนในฝั่งของสหรัฐนั้น แม้จะยอมให้นางเพโลซีเยือนไต้หวันจริง แต่รัฐบาลสหรัฐก็ไม่ได้เปิดหน้าสู้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู สหรัฐพยายามรักษาความสัมพันธ์แบบ “ไม่เป็นทางการ” กับไต้หวันมาตลอด โดยฝั่งหนึ่งสหรัฐออกตัวปกป้องไต้หวัน แต่ในทางการทูตนั้น สหรัฐเองก็ยึดตามนโยบายจีนเดียวโดยยอมรับว่ารัฐบาลของจีนแผ่นดินใหญ่เป็น “รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีนแต่เพียงผู้เดียว”
อย่างไรก็ดี เมื่อมองย้อนกลับไปตอนที่สถานการณ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียกำลังตึงเครียดแล้ว ขณะนั้นคนส่วนใหญ่ก็คาดว่าไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นต้องใช้กำลังทหารได้ จนต่อมารัสเซียเอาจริง ส่งทหารเข้ายูเครนจนเป็นสงครามใหญ่ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้
สถานการณ์ในไต้หวันจึงยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองต่อไป แต่ท้ายที่สุดก็หวังว่าทุกฝ่ายจะหาทางลงด้วยกันได้ เพื่อให้ทั้งโลกไม่ต้องถูกสงครามซ้ำเติมอีกรอบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 65)
Tags: จีน, จีนสหรัฐ, สหรัฐ, แนนซี เพโลซี, ไต้หวัน