เงินบาทเปิด 36.11 ทิศทางยังแข็งค่า คาดกรอบวันนี้ 36.00-36.20

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.11 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36.05 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้สกุลเงินในภูมิภาคยังมีการเคลื่อนไหวทั้งอ่อนค่าและแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เนื่องจากเมื่อคืนนี้ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน ก.ค.อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี

“คืนนี้ตลาดรอดูที่จะมีถ้อยแถลงจากสมาชิกเฟด เพื่อดูว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า”

นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.00 – 36.20 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (1 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.24181% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.69692%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 130.67 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 132.02 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0270 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0263 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.207 บาท/ดอลลาร์
  • รมว.คลัง กำชับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หลังมีผู้ลงทุนเสียหายจากกรณีของ Zipmex โดยขอให้ ก.ล.ต.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล ต้องดูแลผลประโยชน์ของผู้ลงทุน รวมทั้งตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนว่า Zipmex มีการทำธุรกรรมนอกเหนือไปจากที่ได้รับอนุญาตหรือไม่
  • รมว.คลัง ย้ำคนละครึ่ง เฟส 5 ที่ 800 บาท/คน ถือว่าเหมาะสมแล้ว เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้กำลังซื้อของประชาชนเริ่มกลับมา ดังนั้นความจำเป็นในการใช้มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลก็ต้องทยอยลดลง ในขณะที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพอื่นๆ อยู่แล้ว
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (1 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,787.7 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันจันทร์ (1 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดดอลลาร์ และแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินอีก 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีหน้า
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 63.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.และให้น้ำหนัก 49.50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยดัชนีภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ที่หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และการจ้างงานหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างดิ่งลง 1.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค.
  • นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานประจำเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้ เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top