นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ยังมีความท้าทายสูง จากวิกฤตพลังงาน สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และภาพรวมอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบให้อยู่ในระดับสูง รวมถึงความต้องการสินค้าชะลอตัว
ทั้งนี้ SCC รายงานว่าไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 9.94 พันล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.71 หมื่นล้านบาท ขณะที่งวดครึ่งปีแรกมีกำไร 1.88 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 3.2 หมื่นล้านบาท
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า บริษัทจะมุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรและความมั่นคงทางการเงิน จากการดำเนินการภายใต้ 5 กลยุทธ์ในครึ่งปีหลัง ประกอบด้วย
1. ลดต้นทุน เพิ่มพลังงานทางเลือก ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ลดของเสียจากการดำเนินงาน และเร่งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก อาทิ เชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก 16.4%
2.พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ตลอดจนหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่าง เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน นวัตกรรมเคมีภัณฑ์ อาทิ “พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงชนิดไร้กลิ่น” (High Quality Odorless PCR) สำหรับบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกของสินค้าที่ต้องการเน้นกลิ่นหอมโดยเฉพาะ สารเคลือบชั้นฟิล์มป้องกันการซึมผ่านของอากาศ (Barier Coating Technology ช่วยทดแทนการใช้วัสดุที่หลากหลายของบรรจุภัณฑ์ ให้เหลือเพียงพลาสติกประเกทเดียวกันทั้งขึ้นงาน (Mono-Material) จึงรีไซเคิลได้ง่าย และ นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ดี เช่น “SCG HVAC Air Scrubber” ระบบบำบัดอากาศเสีย พร้อมลดภาระการทำความเย็นของระบบปรับอากาศ สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ประหยัดค่าไฟได้ 20-30%
นอกจากนัน ยังมีกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย ก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์ไร้สัมผัส และสุขภัณฑ์เคลือบสาร UItraclean+ จาก COTTO Health& Clean ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย นวัตกรรมการก่อสร้าง ภายใต้แบรนด์ “CPAC Green Solution” มุ่งใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับโซลูซันการก่อสร้างใหม่ๆ อาทิ Farm Solution บริการออกแบบและก่อสร้างฟาร์มครบวงจร เสร็จไว ได้มาตรฐานตามหลักความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio Security) และ Gas Station Solution บริการออกแบบและก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจร นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ อาทิ “เฟสท์ ชิลล์” บรรจุภัณฑ์อาหารทำจากกระดาษ เคลือบฟิล์มลอกออกได้ สะดวกต่อการรีไซเคิลและย่อยสลายได้ ดีไซน์แข็งแรงเหมาะกับการเดลิเวอรี
3.เพิ่มสภาพคล่องการเงิน ด้วยการบริหารเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) ให้อยู่ในระดับเหมาะสม บริหารปริมาตรสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ติดตามการให้สินเชื่อการค้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงเสริมสภาพคล่องโดยการดำเนินการออกหุ้นกู้ ในรูปแบบ หุ้นกู้ดิจิทัล ของ SCGP ในวันที่ 1 ส.ค.65
4.คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ทบทวนการลงทุน ชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน หรือใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะได้ผลตอบแทน มุ่งโครงการที่ได้ผลตอบแทนเร็ว และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ อาทิ โครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนาม มีความคืบหน้าตามแผน 96% พร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งปีแรกของปี 66
ล่าสุด SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรภัณฑ์ (Packaging Materials Recycling Business) ใน Peute Recycling B.V. ผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และลงทุนใน Imprint Energy Inc. สหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่ผลิตด้วยการพิมพ์ (Printed battery) มีศักยภาพในการเติบโต สามารถนำความรู้ ความเชี่ยวชาญมาขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในสำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะได้ด้วย
5.เดินหน้า ESG ด้วยแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่นโปร่งใส) โดยในครึ่งปีแรกของปี 65 มียอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice เท่ากับ 153,240 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของยอดขายรวม
สำหรับการลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) เฟส 2 ที่เวียดนาม ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง LSP เฟส 1 คาดว่าจะสามารถพิจารณาลงทุนในเฟสต่อไปได้ หลังจากเฟสแรกแล้วเสร็จ
ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างในเมียนมา บริษัทยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปกป้องระบบการเงินของทางการเมียนมา โดยเฉพาะให้ระงับการจ่ายหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ เนื่องด้วยธุรกิจของ SCC ในเมียนมามีขนาดเล็ก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 65)
Tags: SCC, ปูนซิเมนต์ไทย, รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส, หุ้นไทย