นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปี 65 เพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 17% สูงขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 5% แม้ว่าปัจจุบันยังคงมีปัจจัยกดดันหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าเงิน การเมืองในประเทศต่างๆ แต่เชื่อว่าตลาดต่างประเทศที่บริษัทส่งสินค้าไปจำหน่ายยังจะสามารถเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเมียนมา ลาว และ ศกัมพูชา
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ได้มีการใช้มาตรการปิดเมืองเหมือนกับในปี 64 และขณะนี้ได้เปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเต็มรูปแบบแล้ว เป็นปัจจัยหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ยังมีการพัฒนาโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และ ตลาดรีโนเวทบ้านที่ขยายตัวอย่างมีนัยตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/65
นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเฉลี่ย 1.5-2% เพื่อให้สะท้อนต้นทุนวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม การปรับราคาจะทำอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สินค้าของบริษัทยังสามารถแข่งขันได้ และไม่กระทบต่อลูกค้ามากเกินไป
“ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ภาพรวมสินค้าจากประเทศจีนมีต้นทุนการผลิตการขนส่งสูงขึ้น และด้วยคุณภาพสินค้าของเราที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับราคาที่ใกล้เคียงกันทำให้ความต้องการสินค้าของเรามีการเติบโตได้ค่อนข้างดี ซึ่งการปรับราคาขายขึ้นเพื่อที่จะให้สะท้อนกับต้นทุนเราจึงต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะไม่ให้กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของเราไป” นายนำพล กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปี 65 บริษัทวางงบราว 350-400 ล้านบาทเพื่อใช้ขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเป้าหมายเดิมที่ดำเนินการได้ภายในปี 66 รวมถึงใช้ขยายสาขากัมพูชา โดยเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร (JV) เพื่อทำธุรกิจค้าส่งและการค้าปลีก สำหรับการจัดจำหน่ายกระเบื้องเซรามิก สุขภัณฑ์ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเริ่มธุรกิจเต็มรูปแบบในปี 66 ส่วนที่เหลือจะใช้ปรับปรุงเครื่องจักรให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 65)
Tags: COTTO, นำพล มลิชัย, หุ้นไทย, เอสซีจี เซรามิกส์