TLI ปิดเทรดวันแรกที่ 15.90 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.63%) จากราคา IPO ที่ 16.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 10,297.17 ล้านบาท จากราคาเปิด 16.00 บาท ราคาสูงสุด 16.30 บาท ราคาต่ำสุด 15.90 บาท
บมจ.ไทยประกันชีวิต (TLI) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เป็นวันแรกในวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ TLI ด้วยราคา IPO ที่ 16.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมประมาณ 37,067 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)
TLI นับเป็น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 65 และเป็น IPO ของหุ้นในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย รวมทั้งยังมีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดสูงในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับจากปี 43 และมีโอกาสที่จะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast-Track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่หุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI เปิดเผยว่า นับเป็นก้าวสำคัญของ TLI เมื่อหุ้น IPO ในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งใจไว้ คือ การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่มิติใหม่ เสริมสร้างศักยภาพอันแข็งแกร่งรองรับการเติบโตในอนาคต โดยกำหนด Business Purpose สู่การเป็น Life Solutions Provider มุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อสร้างความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของคนไทย
TLI มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยเน้นลงทุนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และส่งเสริมการตลาด ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการและดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจร การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน ทั้งสำหรับเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่น ๆ โดยเราเชื่อว่านักลงทุนจะเห็นถึงศักยภาพของ TLI และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคง และสร้างการเติบโตไปด้วยกัน
ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครอบครัวไชยวรรณเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยถือหุ้นร้อยละ 65.60 และ Meiji Yasuda Life Insurance Company (MY) ถือหุ้นร้อยละ 15.00 (ภายใต้สมมติฐานว่าผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน)
ทั้งนี้ TLI มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหักสำรองตามที่กฎหมายและข้อบังคับที่บริษัทฯ กำหนด โดยต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของบริษัทฯ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวมถึงการได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 65)
Tags: TLI, หุ้นไทย, หุ้นไอพีโอ, ไชย ไชยวรรณ, ไทยประกันชีวิต