นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย 1-2 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดเพิ่มศักยภาพการทำงานและงานบริการของธนาคาร และขยายฐานลูกค้าของธนาคารให้เพิ่มขึ้น
สำหรับความร่วมมือกับกลุ่มคาราบาวในการพัฒนาแพลตฟอร์ม KBAO ถือเป็นการต่อยอดการให้บริการทางด้านการเงินร่วมกับพันธมิตร เพื่อยกระดับการให้ริการ และขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่มรายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น โดยที่จะมีการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อในการเปิดเฟรนไชส์ร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ซึ่งใช้เงินลงทุนเบื้องต้นในการเปิดสาขาราว 200,000-500,000 บาท/ร้าน รวมถึงให้สินเชื่อหมุนเวียนกับร้านค้าเฟรนไชส์ในการดำเนินธุรกิจ
ขณะเดียวกันยังเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาบริการทางด้านการวางระบบการเงินกับร้านค้า พัฒนาระบบการชำระเงิน และระบบการผ่อนชำระให้กับร้านค้าเครือ CJ ของกลุ่มคาราบาว ซึ่งจะมีการเพิ่มบริการเกี่ยวกับ Buy now Pay later และระบบการสั่งสินค้าแบบพรีออเดอร์เข้ามาเสริมการให้บริการแก่ลูกค้าของร้านค้าในกลุ่มคาราบาว
ด้านแนวโน้มผลงานของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะยังเห็นทิศทางการเติบโตของผลงานอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นมาต่อเนื่องหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้การทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆกลับมาเดินหน้า คนมีรายได้มากขึ้น การบริโภคในประเทศฟื้นตัว และภาคธุรกิจมีความมั่นใจกลับมาลงทุนมากขึ้น ส่งผลบวกต่อความต้องการสินเชื่อที่กลับมาเติบโตและหนุนต่อผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลบวกต่อผลการดำเนินงานของธนาคารด้วยเช่นกัน
ธนาคารยังมั่นใจว่าสินเชื่อในปี 65 ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 6-8% ซึ่งสินเชื่อในแต่ละกลุ่มยังทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เช่นเดียวกัน นำโดยกลุ่มสินเชื่อรายย่อย ที่จะเห็นการเติบโตสูงถึง 9-11% สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี เติบโต 4-6% สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ เติบโต 1-3%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ค. 65)
Tags: KBANK, ธนาคารกสิกรไทย, พัชร สมะลาภา, หุ้นแบงก์, หุ้นไทย