ร.อ. กรี เดชชัย President, Residential Business บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทจะยังคงเน้นการพัฒนาควบคู่ไปกับการเปิดศูนย์การค้าในเครือของเซ็นทรัลพัฒนา และกลุ่มเซ็นทรัล โดยที่การพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงต่อไปจะมีการพัฒนาทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบ ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมจะยังมีสัดส่วนมากที่สุดที่ 60-70% ส่วนโครงการแนวราบจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 30-40% ซึ่งบริษัทจะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี
สำหรับในปี 65 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2.5 พันล้านบาท ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ได้แก่ โครงการ NINYA ราชพฤกษ์ และโครงการ NIRATI เชียงใหม่ ส่วนคอนโดมิเนียมจะเปิด 4 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นทำเลในต่างจังหวัด ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล และโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะเปิดโครงการใหม่ตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. 65 เป็นต้นไป
โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ายอดขายจะทำได้ตามเป้า 5.5 พันล้านบาท จากการขายโครงการใหม่ และโครงการที่เหลืออยู่ในสต็อกเล็กน้อย และรายได้จะทำได้ตามเป้า 3 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการแนวราบที่เปิดขายในช่วงปลายปีนี้ และโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่ยังมีการขายมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 66 เป็นต้นไป ซึ่งในปี 65 สัดส่วนรายได้ของธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายของ CPN จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 7% ของรายได้รวม และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% ของรายได้รวม ภายใน 5 ปี จากการเดินหน้าเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ต่อเนื่องกว่า 50 โครงการ ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ
“Landbank ที่เราปักหมุดไว้มีรองรับเกือบทั้งหมดแล้วในการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต แต่ทำเลที่เป็น Piority ก็คงเป็นทำเลใกล้ศูนย์การค้าของเซ็นทรัล และในกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเรา Acquire ที่ดินมาได้ ก็จะพัฒนาในรูปแบบ Mixed-use ที่มีการ synergy ร่วมกันในกลุ่ม” ร.อ. กรี กล่าว
ร.อ. กรี กล่าว
ด้านแนวโน้มตลาดอสังหาริททรัพย์มองว่าเห็นการฟี้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับ B+ ขึ้นไป จะเห็นว่าบ้านราคาสูงๆยังสามารถขายได้ดีมาต่อเนื่อง แสดงถึงกำลังซื้อของกลุ่มดังกล่าวยังมีความแข็งแกร่ง ไม่ค่อยมีความอ่อนไหวตามเศรษฐกิจแม้ว่าปัจจุบันจะมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ยที่กำลังจะปรับตัวขึ้นก็ตาม แต่กลุ่มดังกล่าวยังมีมแข็งแกร่งและยังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลที่ดีและใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะทำเลใกล้ศูนย์การค้าเพื่ออยู่อาศัยเอง เพื่อการพักผ่อน และเพื่อการลงทุน
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจของ CPN ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นความโดดเด่นมากกว่าครึ่งปีแรกในด้านผลการดำเนินงาน เนื่องจากการผ่อนตลาดมาตรการป้องกันโควิด-19 และสถานกานณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง มีการเปิดเมืองอย่างเต็มที่ ทำให้คนกลับมาเดินซื้อของ มาทานอาหาร ในศูนย์การค้าเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มคนในประเทศที่กลับเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเป็นจำนวนมาก เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศยังมีไม่เยอะมาก หลังจากเพิ่งเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งในปีจจุบันจะเห็นว่าอัตราการเข้าใช้บริการในศูนย์การค้า (Traffic rate) ของศูนย์การค้าในเครือ CPN เพิ่มขึ้นมาที่ 80%
จากการที่คนกลับเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้ามากขึ้น ทำให้ผู้เช่าต่างๆกลับมาเปิดร้านได้อย่างเต็มที่ และทำให้ค่าเช่าพื้นที่ในศูนย์กลับมาดีขึ้น ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของ CPN ในช่วงครึ่งปีหลังที่จะโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรกทีผ่านมา อีกทั้งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยกดดันในช่วงไตรมาส 2/65 เล็กน้อย ทำให้ผลงานในครึ่งปีแรกจะเห็นการฟื้นขึ้นที่ยังไม่เต็มที่มาก แต่จะเห็นการกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 65)
Tags: CPN, กรี เดชชัย, วัลยา จิราธิวัฒน์, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, เซ็นทรัลพัฒนา