SCB แจงกำไร Q2/65 โต 14% ตามรายได้ดอกเบี้ย-ตั้งสำรองเพิ่มรับมือศก.ผันผวน

บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/65 จำนวน 10,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 22,764 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลของการขยายตัวของฐานรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สำหรับครึ่งปีแรกของปี 65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 20,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาส 2/65 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 26,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้และการมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 12,634 ล้านบาท ลดลง 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงผลกระทบของสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งและการลดลงของรายได้จากการลงทุน ทั้งนี้ รายได้จากธุรกรรมทางการเงินปรับตัวดีขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ ส่งผลให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโดยรวมลดลงเพียงเล็กน้อย

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 15,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมที่เพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 41.2% ในไตรมาส 2/65

ธนาคารได้ตั้งเงินสำรองในไตรมาส 2/65 จำนวน 10,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกและอัตราเงินเฟ้อระดับสูง

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.65 อยู่ที่ 3.58% ปรับตัวลดลงจาก 3.70% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 153.3% (เพิ่มขึ้นจาก 143.9% ณ สิ้นเดือน มี.ค.65) และเงินกองทุนตามกฎหมายยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.7%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB กล่าวว่า บริษัทยังคงทำกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด ในขณะเดียวกัน บริษัทยึดหลักการบริหารด้วยความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอ จึงได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกและอัตราเงินเฟ้อระดับสูง

นอกจากนี้ บริษัทลูกในกลุ่มเทคโนโลยีมีการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.1 ล้านราย และมียอด Gross Merchandise Value (GMV) เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด และบริษัท มันนิกซ์ จำกัด ต่างมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าและมียอดผู้ใช้งานรวมเร่งขึ้นไปเป็นกว่า 4.5 ล้านราย

ในด้านธุรกิจเปิดใหม่ บริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด ก็ได้เปิดสาขาไปแล้วกว่า 700 แห่งทั่วประเทศและพร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มที่ในครึ่งปีหลัง ทั้งหมดนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ยานแม่ ที่จะมุ่งมั่นสร้างมูลค่า และขับเคลื่อนกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ สู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top