นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายและบริหารช่องทางการขาย E-commerce แบบครบวงจรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายพัฒนาและสนับสนุนพันธมิตรในด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน ส.ค.65
สำหรับทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 65 มีแนวโน้มดีจากการเข้าสู่ช่วงธุรกิจไฮซีซั่น จึงเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีนี้จะทำนิวไฮติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ปัจจัยหนุนสำคัญคือการคลายล็อกดาวน์ของประเทศจีน อีกทั้งสหรัฐจะพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และ สถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้มีความต้องการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อาทิ กลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ (Key Drivers) ได้แก่ การเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเล, การขนส่งสินค้าข้ามแดน และ ความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ
สำหรับบริการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) มีปริมาณความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในปี 65 บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขนส่งทางทะเลโดยเฉพาะสหรัฐ จำนวน 10,000 TEUS โดยในช่วงครึ่งปีแรกสามารถขนส่งสินค้าได้จำนวน 5,091 TEUS หรือคิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปี
ขณะที่ ความร่วมมือกับสาขาต่างประเทศที่ให้บริการจำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd., WICE Logistics (Malaysia) Sdn.Bhd. (สาขากัวลาลัมเปอร์, ยะโฮร์ บาห์รู และ ปีนัง), WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. (สาขาฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, กวางโจว, เซินเจิ้น และ หนิงโป) เพื่อขยายปริมาณการขนส่งระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียน-จีน และ จีน-สหรัฐอเมริกา รวมถึงรองรับการย้ายฐานการผลิตของประเทศจีนกลับมาไทย ส่งผลให้มีการขนส่งเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมาย 3,000 TEUS ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก 65 สามารถขนส่งได้เป็นจำนวน 1,702 TEUS หรือคิดเป็น 56.73%
ด้านการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของจีน โดยบริษัทมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าหากประเทศจีนมีการเปิดประเทศในช่วงไตรมาส 4/65 จะส่งผลให้มีจำนวนเที่ยวบินการขนส่งเพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ภายใต้การบริหารงานของ บมจ.ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ (ETL) มีปริมาณความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นจากการให้บริการขนส่งทางรถไฟ (Road-Rail Service) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาการติดค้างของสินค้าหน้าด่านศุลกากร โดยบริษัทคาดว่าหากสถานการณ์โควิดในจีนดีขึ้นและสามารถเปิดด่านขนส่งสินค้าได้จะส่งผลให้มีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น อีกทั้งทางบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมในการนำ ETL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเตรียมยื่นไฟลิ่งในไตรมาส 3/65 และคาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงไตรมาส 4/65 ถึงต้นปี 66
นอกจากนี้ บริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนโซลูชั่นส์แบบครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ บริษัทได้เข้าดำเนินการบริหารคลังสินค้าในกลุ่มสินค้าประเภทแพคเกจจิ้งของบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) พื้นที่ขนาด 15,000 ตร.ม. เป็นบริการรูปแบบออนไซต์ (Onsite Warehouse Management) ครอบคลุมการออกแบบขั้นตอนการปฏิบัติงาน วางแผนและจัดหากำลังคน รวมถึงควบคุมการทำงานภายในคลังสินค้า
“แม้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้พบกับปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อ แต่บริษัทได้แก้ปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นกับลูกค้าด้วยการ ปรับอัตราค่าบริการและเข้าพูดคุยกับลูกค้าซึ่งทางลูกค้าก็มีความเข้าใจในสถานการณ์ ปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อนลงมองว่าเป็นผลบวกกับธุรกิจเนื่องจากทำให้ความต้องการสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น ส่วนปัญหาการปิดด่านพรมแดนของประเทศจีนเมื่อมีการคลายล็อกดาวน์ จะทำให้การเติบโตมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทมีเป้าหมายเติบโตเพิ่มขึ้น 20% รายได้อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท” นายชูเดช กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ปัจจุบัน ได้แก่ การขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 50%, การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) 21%, การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) 22% และ งานซัพพลายเชนโซลูชั่นส์ 7%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 65)