ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยความเชื่อมั่นของครัวเรือนในส่วนของมุมมองเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงานปรับดีขึ้น โดยในเดือนมิ.ย. 65 อยู่ที่ 43.0 จาก 42.4 ในเดือนพ.ค. 65 โดยประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น ซึ่งภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในหลายส่วนตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 ได้มีการอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงในจังหวัดพื้นที่นำร่องและพื้นที่เฝ้าระวัง รวมถึงลดเงื่อนไข Thailand Pass เช่น ในส่วนของผลตรวจ การปรับเปลี่ยนระบบการลงทะเบียนให้ง่ายขึ้น (ใช้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็น) เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวมีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนพ.ค.65 อยู่ที่ 5 แสนกว่าคน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 2 แสนกว่าคนในเดือนเม.ย. 65
ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีผลผลิตภาคบริการ (Service Production Index) ในเดือนพ.ค.65 ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของที่พักแรม และการบริการด้านอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อเนื่องถึงการจ้างงานโดยตลาดแรงงานมีแนวโน้มปรับดีขึ้น จำนวนผู้ประกันตนภาคบังคับ (มาตรา 33) ปรับเพิ่มขึ้นจาก 11,133,526 คน ในช่วงต้นปี (ม.ค.65) มาอยู่ที่ 11,250,428 เดือนพ.ค. 65
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจการขายส่งและขายปลีกเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากความกังวลในเรื่องของราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งสอดคล้องไปกับอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.65 ที่ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 7.66% สูงขึ้นจากเดือนพ.ค.65 ที่ 7.10% ส่งผลให้ครัวเรือนยังมีความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงราคาพลังงานสาธารณูปโภค และบริการพื้นฐานในชีวิตประจำวัน จึงกดดันให้ในภาพรวมดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) ปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30.8 และ 32.9 ในเดือนมิ.ย. 65
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองเรื่องระดับรายได้และการจ้างงานของครัวเรือน พบว่า ครัวเรือน 41.7% กลับมามีรายได้และการจ้างงานในระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ขณะที่อีก 35.3% รายได้ปรับลดลง เนื่องจากชั่วโมงการทำงานลดลง
ในขณะที่ ด้านค่าใช้จ่ายได้มีการสอบถามถึง ค่าใช้จ่ายในหมวดใดของครัวเรือนที่ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในช่วงที่ราคาสินค้าต่าง ๆ ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งผลการสำรวจพบว่า 73% ของครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายในหมวดราคาพลังงาน สาธารณูปโภค และบริการพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาเพิ่มขึ้นมากที่สุด ขณะที่อีก 25% มีค่าใช้จ่ายในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นมากที่สุด
โดยภาพรวม ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รายได้ของครัวเรือนยังไม่สามารถกลับมาได้เต็มที่ ขณะที่ค่าใช้จ่ายจำเป็นต่าง ๆ กลับเพิ่มขึ้นในระดับที่สูง ความไม่สอดคล้องกันระหว่างรายได้ที่เท่าเดิม/ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จะยังส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคของภาคครัวเรือนในระยะต่อไป
ในระยะข้างหน้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีทิศทางกลับมาเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการปรับเปลี่ยนโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น รวมถึงการผ่อนปรนเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การขยายเวลาการเปิดสถานบันเทิง การยกเลิก Thailand Pass และไม่ต้องมีประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในไทยเยอะขึ้น
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 65 อยู่ที่ 7.2 ล้านคน จาก 4 ล้านคนในช่วงต้นปี ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนภาคการจ้างงานและรายได้ของครัวเรือนให้กลับมาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงจากการระบาดของของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ (โอมิครอน BA.4/BA.5) ที่ปัจจุบันข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่ากลายเป็นสายพันธุ์หลักในไทย (51.7%) แล้ว
นอกจากนี้ ราคาสินค้าต่าง ๆ ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เช่น ก๊าซหุงต้มในครัวเรือนที่จะยังปรับขึ้นเป็นขั้นบันได หรือ ราคารถโดยสารต่าง ๆ ที่คณะกรรมการขนส่งมีอนุมัติให้ปรับเพิ่มขึ้น จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือนในระยะข้างหน้า มาตรการช่วยเหลือ/บรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาครัฐ มีความจำเป็นที่จะเข้ามาประคับประคองภาคครัวเรือนในช่วงที่ภาวะรายได้ยังไม่สามารถกลับมาได้เต็มที่ โดยอาจเป็นมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มครัวเรือน หรือกลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 65)
Tags: lifestyle, ค่าครองชีพ, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจครัวเรือน