ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดตัวลงแตะระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรลในปลายปีนี้ และดิ่งลงสู่ 45 ดอลลาร์ในปลายปีหน้า หากเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดตลาดวานนี้ ร่วงลง 8.93 ดอลลาร์ หรือ 8.2% สู่ระดับ 99.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 10.73 ดอลลาร์ หรือ 9.5% สู่ระดับ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างทำสถิติดิ่งลงเป็นเปอร์เซ็นต์ภายในวันเดียวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และการที่จีนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ครั้งล่าสุดที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค.
ราคาน้ำมัน WTI เคยพุ่งแตะระดับ 130.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นใกล้แตะ 140 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.0%
ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 65)
Tags: ซิตี้กรุ๊ป, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน, เศรษฐกิจถดถอย