โบรกฯมองลบกลุ่มโรงกลั่น แต่ให้น้ำหนักกลุ่มพลังงานต้นน้ำเท่ากับตลาด หลังราคาน้ำมันพุ่ง

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองลบต่อราคาน้ำมันดิบ โดยวานนี้ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 9.5% เหลือ 102.8 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากตลาดกลับมากังวลสภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) จะทำให้อุปสงค์การใช้น้ำมันลดลง นอกจากนี้ มีรายงานว่าจีนจะทำการปิดเมืองซีอันเพื่อตรวจโควิด-19 ประชากรเป็นระยะเวลา 7 วัน ขณะที่ซาอุดิอาระเบียประกาศราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ส่งไปตลาดเอเชียจะสูงขึ้นในเดือน ส.ค. ใกล้เคียงระดับสถิติโดย Arab Light สูงขึ้นเป็น 9.3 เหรียญ/บาร์เรล จาก 6.5 เหรียญ/บาร์เรล ในเดือน ก.ค. ส่วน Arab Extra Light สูงขึ้นเป็น USD10.7/bbl จาก USD7.2/bbl

KTBST มีมุมมองเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบในช่วงสั้นจากความกังวลประเด็น recession ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะยังทรงตัวสูงในครึ่งหลังปี 65 จากระดับปริมาณสำรองพลังงานที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวและตลาดน้ำมันโลกที่ยังคงตึงตัวจากผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ตาม มีมุมมองเป็นลบมากขึ้นต่อกลุ่มโรงกลั่นต่อแนวโน้มพรีเมียมน้ำมัน (crude premium) ที่กลับมาเป็นขาขึ้นในขณะที่ราคาน้ำมันค้าปลีกที่สูงส่งผลให้สต๊อกน้ำมัน US gasoline กลับมาสูงขึ้นในช่วงฤดูกาลขับรถ (US driving season) ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่มีอุปสงค์การขับรถสูง

ทั้งนี้ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน และกลับมาชอบกลุ่มพลังงานต้นน้ำมากกว่ากลุ่มโรงกลั่น โดยเราชอบ PTTEP (ซื้อ/เป้า 190.00 บาท) และ BANPU (ซื้อ/เป้า 16.00 บาท) โดยจะได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ยืนสูงต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 65 ซึ่งจะมีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่สูงในช่วงฤดูหนาวตอนปลายปี

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top