นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) เป็น Ventures Cap ภายใต้กลุ่ม บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า การดำเนินงานของ J Ventures เกี่ยวข้องในด้านเทคโนโลยี ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยตัวเอง และการเข้าไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อนำมาช่วยเสริมศักยภาพให้กับกลุ่ม JMART
ธุรกิจของ JAMRT ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ธุรกิจด้านการพาณิชย์และค้าปลีก (Commerce) คือ ร้านขายโทรศัพท์มือถือ และการขายสินค้าของ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และธุรกิจด้านการเงิน (Finance) ที่มีทั้งการติดตามเก็บหนี้ของ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) การให้สินเชื่อซื้อสินค้าของ SINGER เป็นต้น
โดยที่ J Ventures เป็นส่วนหนึ่งที่นำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนศักยภาพการเติบโตของกลุ่ม JMART โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) อย่างเช่น การนำ Fintech มาใช้ในธุรกิจ Commerce ด้วยบริการ Buy now Pay later ที่สามารถสร้างโอกาสในการขายให้กับกลุ่ม JMART มากขึ้น ต่อยอดไปสู่แพลตฟอร์มที่เข้ามาประกอบร่างในส่วนต่าง ๆ ของกลุ่ม JMART
4 เสาหลักในการดำเนินงานของ J Ventures ได้แก่
1) การพัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Commerce และ Finance รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์ม Blockchain ที่มีการพัฒนาออกมา และกำลังมีการนำออกมาใช้อย่างเป็นทางการ
2) การปรับปรุงพัฒนาฟังก์ชั่นของเทคโนโลยีบางอย่างให้ดีและสมบูรณ์มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีขึ้น เช่น การพัฒนาปรับปรุงระบบ KYC กับคนให้มีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำมากขึ้น รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ได้สร้างมาปรับใช้กับบริการต่าง ๆ ของกลุ่มเจ มาร์ท เพื่อสนับสนุนในด้านระบบการชำระเงิน และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในระบบดิจิทัล และยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้เข้ามาให้กับ J Ventures
3) การนำเทคโนโลยีของ J Ventures ที่มีการพัฒนาขึ้นมา นำออกมาใช้กับพันธมิตรหรือกลุ่มธุรกิจภายนอกกลุ่มเจ มาร์ท เพื่อทำให้เทคโนโลยีเกิดการใช้จริง และมีการใช้อย่างแพร่หลาย เช่น การนำแพลตฟอร์มบางอย่างของ J Ventures ไปใช้กับกลุ่มบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม JMART
“สิ่งสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่เราสร้างมา มีการยอมรับใช้จริงได้ เราต้องนำมาให้หลาย ๆ คนใช้ ทำให้เทคโนโนโลยีแพร่ขยายออกไป เกิดการยอมรับและใช้จริง และที่สำคัญว่าทำไมกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีถึงให้พรีเมียมมากกว่าธุรกิจอื่น ๆ เพราะว่าการกระจายเทคโนโลยีออกไปใช้ สามารถนำไปให้องค์กรต่าง ๆ ใช้ได้จำนวนมาก แต่ต้นทุนของเทคโนโลยีไม่ได้เพิ่มขึ้น และยิ่งใช้มากขึ้นก็เกิดการรวมศูนย์ และ Economy of scale มากขึ้น”
นายธนวัฒน์ กล่าว
4) การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Commerce และ Fintech เพื่อนำมาต่อยอด สร้างโอกาสให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีของ J Ventures และนำพาบริษัทเทคโนโลยีที่ไปลงทุนเข้ามาเสริมและต่อยอดให้กับกลุ่มเจ มาร์ท เพื่อสนับสนุนการ Transform รวมถึงการคาดหวังผลตอบแทนกลับคืนมาในอนาคตด้วยเช่นกัน
การลงทุนของ J Ventures จะมีการคัดเลือกบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Commerce และ Finance โดยพิจารณาจากเจ้าของบริษัทที่มีความตั้งใจในการพัฒนาและผลักดันธุรกิจ รวมถึง Passion ที่เหมือนหรือคล้ายกับ J Ventures เพื่อให้สามารถร่วมทำงานด้วยกันได้ในลักษณะส่งเสริมซึ่งกันและกัน
J ventures จะคำนึงถึงเทคโนโลยี 5 ด้าน ได้แก่ 1) A.I. ปัญญาประดิษฐ์ 2) Big Data 3) Credit Scoring 4) Distributed Ledger หรือ Blockchain 5) ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น e-Payment, e-KYC และ e-Wallet เป็นต้น รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น Payment Gateway, Tokenize, Digital Marketing และการจัดสัมนา เป็นต้น
การลงทุนล่าสุดของ J Venture ใน KogoPAY ธุรกิจ Startup ที่เกี่ยวข้องกับ Digital Banking และ Mobile Payment ที่ให้บริการในโซนยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษที่เป็นประเทศหลักในการให้บริการของ KogoPAY ได้รับใบอนุญาตให้บริการในยุโรป 2-3 ใบอนุญาต ขณะที่มีเจ้าของเป็นคนไทย
KogoPAY เป็นผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับการใช้งานชำระเงินและการรับ-โอนเงินในอังกฤษและยุโรป จากนั้นได้ขยายบริการมาในกลุ่มประเทศเอเชีย ซึ่ง J Ventures มองว่า KogoPAY จะสามารถปลดล็อกข้อจำกัดในการขยายกลุ่มผู้ใช้บริการในต่างประเทศได้ นอกเหนือจากกลุ่มผู้ใช้บริการในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการของเทคโนโลยีภายใต้ J Ventures และสามารถยกระดับต่อยอดเทคโนโลยีการเงินที่สร้างประสบการณ์ให้แก่คนไทยอย่างไร้รอยต่อได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับ KogoPay จะเข้ามาสนับสนุนศักยภาพของบริษัทในการต่อท่อระบบ Payment Gateway ในการบริการรับส่งเงินข้ามประเทศ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยและคนที่อยู่ในต่างประเทศรับ-ส่งเงินได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น และทำให้ J Ventures มีโอกาสขยายออกไปให้บริการกับผู้คนในต่างประเทศ และในอนาคตยังสามารถพัฒนาบริการใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติม โดยเฉพาะการรับฝากหรือโอน Cryptocurrency ต่อยอดบริการที่ J Ventures มีอยู่ ทำให้เกิดการใช้งานจริงและมีความแพร่หลายเกิดขึ้น
“เราเล็งเห็นศักยภาพของการให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับการใช้งานการชำระเงินทั้งในและระหว่างประเทศอย่างไร้พรมแดนโดยใช้ QR Code และความมุ่งมั่นของ KogoPAY ที่ต้องการทำให้การโอนเงินทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน และเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาประกอบร่างให้กับ J Ventures โดยการสร้าง Ecosystem และนำไปสู่การ Transform เจมาร์ท ให้แข็งแกร่ง เป็นบริษัท 100 ปี”
นายธนวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบัน J Ventures ลงทุนใน Start-up ไปแล้ว 5-8 ราย ซึ่งเป็นการนำแต่ละบริษัทเข้ามาประกอบร่างใน Ecosystem ของ J Ventures เพื่อสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่มีความความแข็งแกร่งและเสริมศักยภาพให้กับกลุ่ม JMART อีกทั้งทำให้ J Ventures สามารถพัฒนาเทคโนโลยี หรือต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาได้มากขึ้น จากการได้มีบริษัทที่เข้าไปลงทุนมาช่วยกันร่วมคิดและพัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 65)
Tags: JMART, JVC, ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์, หุ้นไทย, เจ มาร์ท, เจ เวนเจอร์ส