รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องให้ประชาชนลดการใช้พลังงานลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่ยังคงใช้เครื่องปรับอากาศได้เพื่อความปลอดภัย หลังจากต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงสุดในรอบอย่างน้อย 147 ปี ซึ่งได้แผดเผาพื้นที่ฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วเมื่อนับถึงวันนี้ (1 ก.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ภูมิภาครอบกรุงโตเกียวต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงกว่า 35 องศาเซลเซียส (95 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน รวมทั้งต้องเผชิญกับสุดสัปดาห์ที่ร้อนระอุด้วย โดยเมืองนาโกย่าทางตะวันตกของญี่ปุ่นนั้นคาดว่าจะมีอุณหภูมิแตะ 40 องศาเซลเซียส ทั้งนี้คาดว่าในวันจันทร์ (4 ก.ค.) อุณหภูมิอาจจะเย็นลงเล็กน้อย และอาจมีฝนตกลงมาช่วยคลายความร้อนได้
ทางการญี่ปุ่นเตือนว่า สภาวะที่เป็นอันตรายนี้จะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมทั้งได้กระตุ้นอีกครั้งให้ประชาชนผ่อนคลายการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่กลางแจ้ง อย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ยังคงสวมหน้ากากอนามัยต่อไป เนื่องจากการสวมหน้ากากนั้นได้รับความนิยมในญี่ปุ่นก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ระบาด
นายเซจิ คิฮาระ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวในการแถลงข่าวว่า “เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเป็นลมแดด ดังนั้นโปรดถอดหน้ากากออกเมื่ออยู่นอกบ้าน หากคุณอยู่ห่างจากผู้อื่น และไม่ได้มีการพูดคุย”
ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้าในกรุงโตเกียวซึ่งมีประชากร 37 ล้านคนพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) เกือบถึงระดับการใช้งานที่อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าดับได้ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลงแล้ว เนื่องจากรัฐบาลดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับความต้องการพลังงานสูงสุดในฤดูร้อนซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 65)
Tags: ญี่ปุ่น, สภาพอากาศ, เซจิ คิฮาระ