ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 65 ทางการไทยทยอยผ่อนคลายเงื่อนไขการเปิดรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ และได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติ จากข้อมูล Destination Insights with Google (หลังประเทศไทยกลับมาเปิดโครงการ Test & Go ในวันที่ 1 ก.พ. 65) พบว่า ประเทศไทยติด 1 ใน 20 อันดับแรกของการค้นหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของโลก
ทั้งนี้ หลังจากที่ทางการยกเลิกเงื่อนไขการกักตัวในกลุ่มชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดไม่ครบ หรือยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้น พบว่า ในเดือนมิ.ย. ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากเดือนก่อน ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 65 ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมีจำนวนกว่า 2 ล้านคน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงมองว่า ในวันที่ 1 ก.ค. 65 การยกเลิกการลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass และยกเลิกการทำประกันสำหรับชาวต่างชาติ จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อการท่องเที่ยวของไทย หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่ยาวนาน อย่างไรก็ดี การเปิดประเทศครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 65 จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยค่อนข้างมาก และหากทางการสามารถควบคุมสถานการณ์โดยไม่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในวงกว้างได้ จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ในระยะถัดไป
“ภายใต้สมมมติฐานการคาดการณ์นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ยังมีมุมมองที่ระมัดระวัง เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากสถานการณ์โควิดที่อาจมีผลต่อมาตรการต่างๆ ของทางการแล้ว ความเสี่ยงจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ทำให้ภาระรายจ่ายในชีวิตประจำวันปรับตัวสูงขึ้นตาม จึงอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และการตัดสินใจเดินทางยังต่างประเทศของนักท่องเที่ยวได้ในช่วงที่เหลือของปี” ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรฯ มองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 65 น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 5 ล้านคน เติบโต 160% จากในช่วงครึ่งแรกของปี 65 ส่งผลทำให้ทั้งปี 65 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยน่าจะมีจำนวน 7.2 ล้านคน (จากเดิมที่คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปีจะมีจำนวน 4 ล้านคน) สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.05 แสนล้านบาท
“จากปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปีนี้น่าจะมากกว่าที่คาด แต่ด้วยตลาดยังมีปัจจัยท้าทาย ซึ่งทำให้การฟื้นตัวยังจำกัด” ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ
สำหรับการปรับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรฯ ในครั้งนี้ ให้น้ำหนักในส่วนของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ทั้งปี 65 นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกจะมีสัดส่วน 45% ของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากอาเซียน อาทิ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนยังทำได้จำกัด เนื่องจากการดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของทางการจีน
นอกจากนี้ ตลาดสำคัญที่กลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่น หลังจากที่ทางการไทยผ่อนคลายเงื่อนไขต่างๆ ลง ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียใต้ โดยการฟื้นตัวหลักมาจากนักท่องเที่ยวอินเดีย และคาดว่าทั้งปี 65 นี้ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 1 ล้านคน
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 65 นักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศแล้วกว่า 1.22 แสนคน และเฉพาะในเดือนพ.ค. มีจำนวนกว่า 7.83 หมื่นคน เนื่องจากการยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass และประกันสุขภาพ ช่วยหนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวกขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวทำตลาดได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
“นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก กลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปี 65 ขณะที่ทั้งปี 65 นักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียคาดว่าจะมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1” ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ
สำหรับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปมีความท้าทายมากขึ้น ด้วยสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่มีท่าทีที่จะคลี่คลาย มาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย ทำให้การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและยุโรปตะวันออกในช่วงที่เหลือของปีคงจะได้รับผลกระทบ
ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นในภูมิภาคยุโรป ยังต้องติดตามสถานการณ์สงครามพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและประเทศในยุโรปอย่างใกล้ชิด หากเหตุการณ์ไม่ได้รุนแรงขึ้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน จนกระทบการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ก็น่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวยุโรปเที่ยวไทย โดยเฉพาะจากประเทศเยอรมนี สหราชอาณาจักร และสแกนดิเนเวีย เป็นต้น
ในส่วนของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น น่าจะยังฟื้นตัวได้ดี โดยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลาง นอกจากตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่างอิสราเอลแล้ว ยังได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งภายหลังที่ทางการไทยและซาอุฯ ได้ปรับความสัมพันธ์ และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 65 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการสำหรับชาวซาอุฯ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และสามารถอยู่ในไทยได้ไม่เกิน 30 วัน น่าจะช่วยกระตุ้นชาวซาอุฯ เดินทางเที่ยวไทยมากขึ้น
สำหรับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย ได้รับแรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ซึ่งเป็นชาติที่มีการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ
“การปลดล็อกเงื่อนไขต่างชาติเที่ยวไทย จะเป็นแรงหนุนที่สำคัญให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้ง” ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยแวดล้อมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีความไม่แน่นอนสูง ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโควิด ปัญหาระหว่างรัสเซียและยูเครน ปัญหาราคาพลังงานและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยยังทำได้จำกัด
ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังคงต้องทำงานหนัก และเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆ อาทิ การทำตลาดคงจะต้องมีหลากหลายขึ้น เช่น การเตรียมหาตลาดนักท่องเที่ยวอื่นเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงจากนักท่องเที่ยวยุโรปที่อาจจะชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปี หรืออาจจะปรับแพ็คเกจที่พักเป็นรูปแบบแพ็คเกจอยู่ยาวเจาะกลุ่มชาวยุโรปที่มีกำลังซื้อสูง
ทั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการดึงกลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง เช่น กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ และกลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นสร้างแรงกดดันผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้ประกอบการยังต้องระมัดระวังในการลงทุนและการทำตลาด โดยเฉพาะการทำแพ็คเกจด้านราคา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 65)
Tags: ชาวต่างชาติ, ท่องเที่ยว, ธุรกิจท่องเที่ยว, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย