TWPC จ่อปิดดีลสตาร์ทอัพ 3 ประเทศ,หวัง H2/65 รับผลดีราคาสินค้าส่งออกพุ่ง-บาทอ่อน

นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยวา (TWPC) เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ คือ ไทยวา เวนเจอร์ อยู่ระหว่างการพิจารณาและคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ในประเด็นเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ 3 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง ทั้งในกลุ่มเกษตรและอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ และดิจิทัลซัพพลายเชนเพื่อช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจบริษัทฯ ในอนาคต

“บริษัทฯ ยังคงเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง แป้งดัดแปลง และแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิก ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบมาจากหลายๆประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้บริการลูกค้าในประเทศต่าง ๆ รวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลก และบริษัทอาหารที่ติดอันดับ Fortune 500 และยังเป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากพืชล้วนๆ จากฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร ส่วนผสมและแป้งประกอบอาหาร การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และธุรกิจใหม่ซึ่งเป็นวัสดุชีวภาพ”

สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการรุกขยายตลาดไปทั่วโลก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากผลประกอบการไตรมาส1/2565 เติบโตแข็งแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจ โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 30% ดังนั้นทำให้มั่นใจว่า ภาพรวมผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ double digit ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงาน ยังคงมาจากยอดการส่งออกแป้งมันสำปะหลังเติบโตมากขึ้น รวมถึงราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น และได้รับประโยชน์จากสถานการณ์เงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของไทยวา คือ วุ้นเส้นพร้อมรับประทานที่สามารถหาซื้อได้แล้วทั่วประเทศ และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ซองลอง (Song Long) ซึ่งเป็นแบรนด์แฟลกชิปของบริษัทฯในเวียดนาม

และในปีนี้บริษัทฯ มีแผนจะเปิดออฟฟิศร่วมกับพันธมิตรที่เมืองซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก และลอนดอน เพื่อประกอบธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีอาหาร เทคโนโลยีการเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพอีกด้วย

อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 30% โดยมียอดขายรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 15% เติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะตลาดหลัก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน และสหรัฐอเมริกา ที่มียอดขายรวม 2,465 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหาร มาจากตลาดในประเทศ 86% และตลาดต่างประเทศ 14%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มิ.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top