สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยข้อมูลจากคันทาร์ (Kantar) บริษัทวิจัยการตลาด ซึ่งระบุว่า นักชอปชาวอังกฤษหันมาซื้อของเฮาส์แบรนด์และเปลี่ยนมาใช้สินค้ารุ่นราคาถูกมากขึ้น เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 8.3% ในช่วง 4 สัปดาห์จนถึงวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งเป็นเงินเฟ้อระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552
คันทาร์กล่าวว่า ประเภทสินค้าที่ราคาพุ่งขึ้นเร็วที่สุด ได้แก่ นม, เนย และอาหารสุนัข ส่วนราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับลดลง นอกจากนี้ ยอดขายสินค้าแบรนด์ทั่วไปในซูเปอร์มาร์เก็ตลดลง 1.0% ในช่วงเวลา 4 สัปดาห์ดังกล่าวเมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดขายสินค้าเฮาส์แบรนด์เพิ่มขึ้น 2.9% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายของ 2 ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเยอรมนีอย่าง อัลดิ (Aldi) และ ลิดเดิล (Lidl) ที่มีสินค้าแบรนด์ของตัวเองเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ คันทาร์ระบุว่ายอดขายสินค้ารุ่นราคาถูก อาทิ แอสดา สมาร์ท ไพรซ์ (Asda Smart Price), โค-ออป ออเนสต์ แวลู (Co-op Honest Value) และเซนต์สเบอรีส์ อิมเพอร์เฟกต์ลี เทสตี (Sainsbury’s Imperfectly Tasty) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.0%
คันทาร์กล่าวว่า เมื่ออิงจากข้อมูลล่าสุดแล้ว ยอดค่าใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคประจำปีโดยเฉลี่ยในสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 380 ปอนด์ (465 ดอลลาร์)
นายเฟรเซอร์ แม็คเควิตต์ หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกด้านผู้บริโภคและการค้าปลีกของคันทาร์ กล่าวว่า “ตัวเลขนี้สูงมากกว่าที่เราเคยรายงานไปในเดือนเม.ย.ปีนี้ถึงกว่า 100 ปอนด์ แสดงให้เห็นว่าราคาสินค้าพุ่งสูงมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงผลกระทบของเงินเฟ้อที่มีต่อภาคธุรกิจนี้”
อนึ่ง ข้อมูลดังกล่าวเป็นไปในทางเดียวกันกับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 มิ.ย.) ที่ห้างเทสโก้ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้ชาวอังกฤษมีกำลังซื้อน้อยลง รวมถึงเปลี่ยนไปใช้สินค้าแบรนด์ของเทสโก้เองที่ถูกกว่า และซื้อของบ่อยขึ้น เนื่องจากพวกเขาพยายามรับมือกับวิกฤติค่าครองชีพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มิ.ย. 65)
Tags: สินค้า, สินค้าอุปโภคบริโภค, อังกฤษ, เงินเฟ้อ, เฟรเซอร์ แม็คเควิตต์, เฮาส์แบรนด์