บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีรายงานว่า เช้าวันที่ 18 มิถนายน 2565 เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่หน่วยผลิต ethylene glycol ของ Sinopec Shanghai Petrochemical (SSP) ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน โดยปัจจุบันสามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้แล้วแต่ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ ทั้งนี้โรงงานที่ไฟไหม้นี้นับเป็นหนึ่งในโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดยมีกำลังการผลิตดังนี้ การกลั่นน้ำมันดิบ 16.0 ล้านตัน/ปี, ethylene 700 พันตันต่อปี (kta), organic chemicals 4.3 ล้านตันต่อปี (mta), synthetic fiber feedstock 1.1mta, synthetic fiber polymers 590kta, และ synthetic fibers 260kta (ที่มา: Reuters, company website)
KTBST มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีจากข่าวนี้ แม้ว่ายังไม่มีการรายงานว่า SSP เสียหายเท่าใดและต้องมีการปิดสายการผลิตหรือไม่ แต่เราเชื่อว่าข่าวนี้จะส่งผลบวกต่อราคาและส่วนต่างราคา (price spread) ของผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมีที่บริษัทผลิต ซึ่งรวมถึง polyethylene (PE), polypropylene (PP), purified terephalic acid (PTA), ethylene glycol (EG) และ polyester fiber ทั้งนี้เนื่องจากหน่วยที่เกิดเพลิงไหม้คือ หน่วยผลิต EG
เราจึงเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจปิโตรเคมีมากกว่าโรงกลั่น ในเบื้องต้น เรายังคงคำแนะนำ “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี แต่เราเชื่อว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์ที่สุดจากข่าวนี้ คือ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) (ซื้อ/เป้า 70.00 บาท) และบมจ.พีทีทีโกลบอล เคมิคอล (PTTGC) (ถือ/เป้า 52.00 บาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 65)
Tags: ปิโตรเคมี, หุ้นโรงกลั่น, หุ้นไทย