อย่างที่ทุกคนทราบว่าช่วงนี้ตลาดคริปโทฯ เข้าสู่ขาลง ราคาบิทคอยน์ร่วงหนักทำจุดต่ำสุดในรอบสัปดาห์ไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิ.ย.65) ทำให้หลายคนเริ่มมีคำถามว่าราคานี้ช้อนได้หรือยัง? คำถามนี้ยังคงไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่ถ้าราคาหลุดกรอบ 20,000 ดอลลาร์ไปแล้วก็เรียกว่าน่ากลัวเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาราคาก็ร่วงลงทะลุมาแล้วทุกแนวรับ หลายคนอยู่ในสถานะกำลังติดดอยบิทคอยน์ควรบริหารความเสี่ยงและพอร์ทการลงทุนให้ดี
มาพูดถึงผู้ถือบิทคอยน์อันดับต้น ๆ ของโลก นั่นก็คือ บริษัท Micro Strategy ของ Michael Saylor หากย้อนกลับไปดูช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ทาง MicroStrategy ได้กู้เงิน 205 ล้านดอลลาร์มาซื้อบิทคอยน์ และวางหลักทรัพย์ค้ำประกันไปแล้ว 405 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการที่ราคาบิทคอยน์ร่วงลงต่ำเช่นนี้ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าบริษัทจะโดน Margin Call หรือว่า Liquidate รึป่าว
ทาง Michael Saylor ก็ได้ออกมา tweet ว่าบริษัทฯพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาด และหากราคาบิทคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ บริษัทก็ยังมีบิทคอยน์มากพอที่จะนำมาค้ำประกันได้ ซึ่งตอนนี้ MicroStrategy ก็ถือครองอยู่กว่า 115,109 BTC และถึงแม้ว่าราคาบิทคอยน์จะร่วงลงต่ำกว่า 3,562 ดอลลาร์ บริษัทก็ยังมีสินทรัพย์มากพอที่สามารถนำมาวางค้ำประกันได้ จึงขอให้นักลงทุนทุกคนมั่นใจ และ HODL (ถือ) ต่อไป
มาดูเหรียญ Ethereum กันบ้าง ล่าสุด ทาง developer ของ Ethereum ก็ได้ประการเลื่อน Difficulty Bomb หรือที่เราเรียกกันว่า “Diff Bomb” ออกไปอีก 2 เดือน
สำหรับสายเทรด คำนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่สำหรับสายขุดจะคุ้นชินกันมากกว่า เพราะคือค่าความยากในการขุดคริปโทฯ นั่นเอง ยิ่ง Diff Bomb มากขึ้น ก็จะขุดได้ยากขึ้น ผลตอบแทนก็น้อยลงนั่นเอง
ทั้งนี้ Ethereum กำลังจะมีการอัพเกรดที่จะรวม Ethereum เข้าด้วยกัน เพราะตอนนี้เรามีทั้ง ETH 1.0 แล้วถ้าเราเอา ETH 1.0 ไป stake ก็จะได้เป็น ETH 2.0 การอัพเกรดครั้งนี้จะทำให้เหลือเพียงแค่ ETH 2.0 เท่านั้น และจะไม่มี Proof of Work อีกต่อไป Ethereum จะเกิดจาก Proof of Stake เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ก็คือ “The Merge”
สิ่งนี้นับว่าเป็นการดีกับสายเทรด เพราะแน่นอนว่าการอัพเกรดก็เป็นโอกาสให้ราคาเหรียญปรับตัวขึ้นด้วย แต่สำหรับสายขุด ก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ กับการขุดได้น้อยลง จนถึงขุดแทบไม่ได้แล้วนั่นเอง
หลายคนที่เป็นสายคริปโทฯ น่าจะเคยได้ยินเหรียญที่ชื่อว่า “Litecoin” กันบ้าง เพราะเป็นเหรียญแรก ๆ ที่เคียงคู่มากับ Ethereum เลย
ล่าสุดทาง Litecoin ก็ได้ประกาศ upgrade ที่ชื่อว่า MimbleWimble หรือว่า “MWEB” ซึ่งการอัพเกรดครั้งนี้ก็จะทำให้ธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Litecoin เป็นความลับมากขึ้น โดยธุรกรรมที่ผ่าน MWEB ก็อาจทำให้เกิดการสูญหายได้ เพราะกระดานเทรดจะไม่สามารถตรวจสอบที่อยู่ของผู้ส่ง ซึ่งขัดต่อกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับ KYC (Know Your Customer) และ AML (Anti-Money Laundry) ของหลาย ๆ กระดานเทรด
สาเหตุนี้เองก็ทำให้หลายกระดานเทรดยักษ์ใหญ่อย่าง Binance หรือว่า Bithumb และ Upbit ที่เป็นกระดานเทรดในเกาหลี ก็ประกาศหยุดการรับฝากและถอนเหรียญ Litecoin สำหรับใครที่ถือเหรียญ Litecoin อยู่ก็อย่าลืมวางแผนรับมือกันดี ๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 65)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, CryptoShot, Ethereum, litecoin, คริปโทเคอร์เรนซี, บิทคอยน์