นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค รับความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว หลังธนาคารกลางต่างๆเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และยังมีแรงกดดันกลุ่มโรงกลั่น จากมาตรการเยียวยาด้านพลังงานที่ให้ส่งค่าการกลั่นส่วนเกินเข้ากองทุนน้ำมัน ระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งอาจทำให้มีแรงขายนักลงทุนต่างชาติออกมามากและกดดันดัชนี โดยให้แนวต้าน 1,570 จุด แนวรับ 1,540 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งลงตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไปมากขึ้น หลังจากเงินเฟ้อยังคงสูงต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางต่างๆต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยที่กดดันกลุ่มโรงกลั่น หลังจากเมื่อวานนี้ที่ประชุมมาตรการเยียวยาด้านพลังงานออกมาให้โรงกลั่นนำส่งกำไรส่วนเกินจากค่าการกลั่นเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ทำให้มีแรงขายออกมา โดยเฉพาะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นมากในช่วงที่ผ่านมา และเป็นปัจจัยกดดันดัชนี
ให้แนวต้าน 1,570 จุด แนวรับ 1,540 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,927.07 จุด ร่วงลง 741.46 จุด หรือ -2.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,666.77 จุด ลดลง 123.22 จุด หรือ -3.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,646.10 จุด ร่วงลง 453.06 จุด หรือ -4.08%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 25,988.20 จุด ร่วงลง 443 จุด หรือ -1.68%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,716.74 จุด ลดลง 128.69 จุด หรือ -0.62% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,265.51 จุด ลดลง 19.87 จุด หรือ -0.60%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 มิ.ย.) ที่ระดับ 1,561.10 จุด ลดลง 32.44 จุด, -2.04%
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,807.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.(16 มิ.ย.) ลดลง 1.0 ดอลลาร์ หรือ 0.86% สู่ระดับ 114.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 มิ.ย.) อยู่ที่ 25.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.08 ให้กรอบเคลื่อนไหววันนี้ 34.95-35.15 ตลาดจับตาท่าทีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
– พาณิชย์ เบรกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขอปรับขึ้นราคา อ้อนผู้ประกอบการกัดฟันยื้อตรึงราคาให้นานที่สุด หวั่นกระทบผู้มีรายได้น้อย พร้อมต่ออายุสินค้าและบริการควบคุม 51 รายการอีก 1 ปี ด้าน ‘หอการค้าไทย’ หั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 3.1% รับวิกฤตราคาพลังงานพุ่ง
– บิ๊กตู่ เรียกถกทีมเศรษฐกิจรัฐบาลด่วน หลังสารพัดปัญหาของแพง เห็นชอบขยายเวลามาตรการช่วยเหลือประชาชนบางส่วนที่ใกล้หมดอายุเดือน มิ.ย.นี้ออกไปอีก 3 เดือน ขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน นำส่งกำไรค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล-เบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ลดเบนซินลง 1 บาทต่อลิตร พร้อมชง ครม.สัปดาห์หน้า
– บิ๊กตู่ ถก ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ สธ.ชงเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ได้ถึงตี 2 เหมือนเดิม แต่ถึงเวลาต้องปิดจริง เสนอปรับพื้นที่เป็นสีเขียวทั้งหมดทั่วประเทศ พร้อมให้ถอดหน้ากากในกิจกรรมบางประเภท ส่วนยอดติดเชื้อใหม่เกิน 2 พัน เสียชีวิตอีก 17 สลดหนุ่มเชียงใหม่วัย 51 ดับคาบ้าน พบประวัติเคยฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม
– อนุทิน เซ็นแล้วประกาศสาธารณสุขให้ กัญชาสมุนไพรควบคุม ใช้ประโยชน์ในผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ยกเว้นในที่สาธารณะและหญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร ช่วยสกัดการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน เผย 2 สัปดาห์ปลดล็อกกัญชา กระแสตอบรับดี อนุมัติจดแจ้งปลูก จดทะเบียนผลิตภัณฑ์กว่า 8.1 แสนราย ชี้ช่อดอกปรุงอาหารได้ ไม่ห้าม ใช้ 1-2 ช่อในหม้อต้ม อย่าใส่เกิน หากปริมาณเกินก็เป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย ด้านวิษณุแนะบูรณาการกฎหมายต่างๆ ที่มีอยู่ ทั้งอาญาและพาณิชย์จับกุมและป้องปราม
หุ้นเด่นวันนี้
– MEGA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 67 บาท ธุรกิจของ MEGA ที่เป็นยาและวิตามินเป็นสินค้าจำเป็น ถูกกระทบจำกัดมากจากเงินเฟ้อสูง ยอดขายเดือน เม.ย.-พ.ค. ดีใกล้เคียงไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีมาก และยังได้ประโยชน์จากบาทอ่อนบางส่วน
คาดกำไรปี 65 แข็งแกร่ง +21% จากปีก่อน ด้านฐานะการเงินมีหนี้น้อยมาก IBD/E อยู่ที่เพียง 0.02 เท่า กระทบจำกัดจากดอกเบี้ยขาขึ้น ให้แนวรับ 51-50 บาท แนวต้าน 53, 54-55 บาท
– IVL (กรุงศรี) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท) ไม่มีปัจจัยกดดันจากการแทรกแซงของภาครัฐ, กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 โตแกร่งที่ 1.4 หมื่นล้านบาท +161% qoq and +134% yoy แนวโน้มไตรมาส 2/65 ยังทรงตัวในระดับสูงเพราะจะรับรู้ปริมาณขายและรายได้จาก Oxitino ในบราซิลเข้ามาเต็มไตรมาส
– CENTEL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus ที่ 45.13 บาท หลังจากที่ภาครัฐเริ่มคลายมาตรการควบคุมโรค โดยกำหนดปรับลดสีพื้นที่ต่าง ๆ ลง และเริ่มคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะโล่งแจ้ง เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การปรับเป็นโรคทั่วไปในต้น ก.ค. ที่จะถึงนี้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ โดย Consensus คาด EPS งวดปี 65 ฟื้นตัวอยู่ที่ราว 0.05 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 66 Consensus คาดฟื้นตัวต่อราว 1.08 บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์เงินปันผลปีนี้ราว 0.3 บาทต่อหุ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย