สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าลดลงมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวลงหลังจากรัฐบาลประกาศระงับส่งออกน้ำมันปาล์ม
ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการค้าเดือนพ.ค.ของอินโดนีเซียอยู่ที่ 2.90 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 7.56 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.83 พันล้านดอลลาร์
ส่วนยอดส่งออกเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 27% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.151 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะพุ่งขึ้น 38.69% ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 30.74% สู่ระดับ 1.861 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 32.80%
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศระงับการส่งออกน้ำมันปาล์ม โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 เม.ย. เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหารในประเทศ
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีปริมาณคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ซึ่งการส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาน้ำมันปรุงอาหารในประเทศขาดแคลน และมีราคาพุ่งขึ้นอย่างมาก ทำให้นักศึกษาออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ต่อมาในวันที่ 23 พ.ค. ปธน.วิโดโดประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม แต่ให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ว่า บริษัทต่าง ๆ จะต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มโอเลอิน โดยรัฐบาลจะมอบใบอนุญาตให้แก่บริษัทที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการจำหน่ายน้ำมันปาล์มภายในประเทศตามที่รัฐบาลกำหนด (DMO) ซึ่งใบอนุญาตจะมีอายุ 6 เดือน และบริษัทจะต้องรายงานตัวเลขการส่งออกน้ำมันปาล์มทุกเดือนกับทางรัฐบาล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 65)
Tags: น้ำมันปาล์ม, ส่งออก, อินโดนีเซีย, โจโก วิโดโด