นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ขึ้นบัญชีให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในเรื่องการบิดเบือนค่าเงินเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าว่า ประเด็นนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เคยชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ manipulate ค่าเงิน ซึ่งเรื่องของค่าเงินต้องให้เป็นไปตามกลไกตลาด และคงจะต้องมีการพิสูจน์ว่าไทยไม่ได้เข้าไป manipulate
“จริงๆ เราก็ไม่ได้ manipulate แต่เป็นเรื่องของการบริหาร ว่าเมื่อบาทแข็งเราจะทำอย่างไร เราก็พยายามส่งเสริมให้คนไปลงทุนต่างประเทศ มันมีข้อห้ามหรือ อเมริกาจะมาห้ามเราหรือ ในเมื่ออเมริกาก็ออกไปลงทุนต่างประเทศเหมือนกัน หรือกรณีที่เราสั่งของจากอเมริกา เพื่อมาติดตั้งในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ก็เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ manipulate แต่การ manipulate มันหมายถึงการเข้าไปทำให้บาทอ่อนด้วยการซื้อขายดอลลาร์ เหมือนสมัยที่เราปกป้องค่าเงินบาทเมื่อปี 40 มันต่างกัน แต่ตอนนี้ไม่ทำแล้ว แต่การซื้อขายเงินเป็นเรื่องปกติ เป็นการ manage float ซึ่งเราก็ทำอยู่ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร”
รมว.คลัง กล่าว
อนึ่ง กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน ซึ่งยังไม่พบว่ามีประเทศใดที่ถูกสหรัฐฯ ระบุว่าจงใจบิดเบือนค่าเงินเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ในขณะที่มี 12 ประเทศที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีจับตามองอย่างใกล้ชิด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินเดีย เยอรมนี อิตาลี เม็กซิโก ไต้หวัน เวียดนาม และไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 65)
Tags: การค้าระหว่างประเทศ, ค่าเงิน, สหรัฐ, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ