นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีต รมว.คลัง แสดงความเห็นต่อวิกฤติราคาพลังงานว่า ราคาน้ำมันในประเทศที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังราคาต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน เนื่องจากใช้เงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยราคาหน้าปั๊ม แต่ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันติดลบ 86,000 ล้านบาท และหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจติดลบทะลุ 1 แสนล้านบาทในสิ้นเดือนนี้ กองทุนน้ำมันจึงอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถกู้สถาบันการเงินได้อีก แม้ในอนาคตราคาน้ำมันโลกจะลดลง แต่ก็ยังเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจำนวนมาก เพื่อชำระหนี้กองทุนที่ติดลบอยู่ จึงกลายเป็นภาระในอนาคตของประชาชน
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า คนไทยกำลังโดนปล้นจากค่าการกลั่นน้ำมัน จากข้อมูลราคาค่ากลั่นน้ำมันในช่วงเวลาเดียวกันปี 2563 อยู่ที่ 0.88 บาทต่อลิตร, ปี 2564 อยู่ที่ 0.87 บาทต่อลิตร แต่ปี 2565 อยู่ที่ 8.56 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 เท่า
“เท่ากับค่าการกลั่น เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ไปเพิ่มตามราคาตลาดน้ำมันสิงคโปร์ ทั้งที่ต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้น กลายเป็นภาระประชาชน ภาระกองทุนน้ำมัน แต่ทำไมรัฐปล่อยให้ฟันกำไรได้ขนาดนี้” หัวหน้าพรรคกล้า ระบุ
พร้อมกันนี้ ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหา 3 ข้อ คือ 1) ควรกำหนดเพดานค่าการกลั่น เพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันการค้ากำไรเกินควร พร้อมกำหนดขึ้นต่ำไม่ให้ถึงกับขาดทุน 2) เสนอเก็บ “ภาษีลาภลอย” (Windfall Tax) เพราะส่วนต่างจากราคาการกลั่นน้ำมัน เป็นราคาลาภลอยให้กับบริษัท ทำให้ได้กำไรจากส่วนต่าง จึงควรเก็บภาษีลาภลอย เพื่อนำกำไรที่เกินมาช่วยเหลือประชาชน นำมาช่วยในกองทุนน้ำมันต่อไป และ 3) ต้องจริงจังกับมาตรการประหยัดการใช้พลังงาน
“คำถามคือโรงกลั่นนี้ของใคร ปตท. เป็นเจ้าของโรงกลั่นกว่า 70% ในประเทศ โดยที่รัฐไม่มีคำอธิบายให้ประชาชน กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ควบคุมราคาสินค้าทำไมไม่ไปดู ส่วนกระทรวงพลังงานก็มีอำนาจโดยตรง อยากฝากบอกรัฐมนตรีว่ารู้ดี เพราะเป็นลูกหม้อ ปตท.มาก่อน ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาเกรงใจเพื่อนๆ มันมีวิธีที่จะช่วยเหลือบ้านเมืองและประชาชนได้ทันที ท่านต้องรีบตัดสินใจ ขณะที่กระทรวงการคลัง ก็มีส่วนเหมือนกัน ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมายภาษีลาภลอย แต่ก็มีหุ้นในโรงกลั่น ทุกคนควรใช้พลังให้ถูกที่ ในการหาความเป็นธรรมให้กับสังคมไทย ข้อมูลนี้ถ้าพรรคกล้าหาได้ ก็เชื่อว่าคนที่อยู่ในอำนาจก็ต้องคิดได้เหมือนกัน แต่คำถามคือ ทำไมไม่ทำอะไร ปล่อยให้กองทุนน้ำมันติดหนี้จนจะเดี้ยง ไม่มีประสิทธิภาพ” นายกรณ์ กล่าว
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศมีหนี้จำนวนมาก ทั้งที่ต้องปรับเพดานหนี้สาธารณะ ปรับเพดานหนี้กึ่งการคลัง กองทุนน้ำมันก็ติดลบ ขอกู้ต่อไม่ได้ เกิดภาวะที่เรียกว่า “หนี้จุกอก” ดังนั้นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาแบบฉีกกรอบ ซึ่งการเก็บภาษีลาภลอยเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาได้โดยตรง และมีการใช้ที่ประเทศอังกฤษ และย้ำว่าราคาสินค้าอื่นๆ ยังกำหนดราคาขายได้ ราคาน้ำมันยังกำหนดเพดานค่าการตลาดได้ ก็ควรกำหนดเพดานค่ากลั่นน้ำมันสำหรับการใช้ในประเทศเช่นกัน แต่ถ้าค่ากลั่นน้ำมันที่ส่งออกก็ไม่ต้องมีเพดานก็ได้ ซึ่งขณะนี้พรรคกล้ากำลังเตรียมร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องตามข้อเสนอ โดยอาจจะรวมรวมรายชื่อประชาชนเสนอต่อสภา หรือร่างให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มิ.ย. 65)
Tags: lifestyle, กรณ์ จาติกวณิช, ค่าการกลั่น, ราคาน้ำมัน, โรงกลั่นน้ำมัน