นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลงในปัจจุบันส่งผลให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งตลาดบ้านแนวราบและอาคารชุด สอดคล้องกับที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รายงานล่าสุดว่า อุปทานการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่จะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยบ้านแนวราบยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อบ้านอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากในปี 64 มีการชะลอการเปิดโครงการและเลื่อนมาเปิดในปี 65
โดยบริษัทได้พัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคพร้อมรับเทรนด์ที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิเช่น การเพิ่มพื้นที่ภายในบ้านให้มีขนาดที่กว้างขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในแต่ละครอบครัวให้มีความยืดหยุ่น โดยใช้งานได้จริง มีห้องอเนกประสงค์ไว้รองรับให้สามารถ Work From Home ,Study Online หรือแม้กระทั่งปรับมาเป็นห้องผู้สูงอายุรับสังคมสูงวัยในอนาคตได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณส่วนกลางให้มากขึ้นเพื่อ ลดการเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้ลูกค้าได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า เรียกว่าบริษัทได้ผ่านกระบวนการคิดมาเพื่อลูกค้าเป็นอย่างดี จึงส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจและพร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการบ้านป้อนสู่ตลาดในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าที่ 10-12 โครงการตลอดปี รวมมูลค่า 7-8 พันล้านบาท
“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด บริษัทไม่เคยหยุดนิ่งและด้วยการพัฒนาปรับโฉมแบบบ้านดีไซน์บ้านเดี่ยวในกลุ่มแบรนด์แลนซีโอ โดยวางแนวคิดพัฒนาโครงการใหม่เพื่อให้ตรงใจผู้บริโภค เราได้สร้างกระแสนิยมบ้าน French Colonial Style ฉีกกรอบการดีไซน์บ้านในกลุ่ม real demand ยกระดับเพิ่มมูลค่าพร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ในการอยู่อาศัยภายใต้ คอนเซ็ปต์ Perfection of Living ความสมบูรณ์แบบ ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ภายในโครงการมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ไว้รองรับไลฟ์สไตล์ในวันพักผ่อน พร้อมฟิตเนสวิวสวนให้ได้ผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ให้อุ่นใจกันทั้งครอบครัว นอกจากนี้ยังคัดสรรวัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างวิถีการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้น”
นายชูรัชฏ์ กล่าว
โดยที่บริษัทได้เดินหน้าเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2.2 พันล้านบาท ภายใต้แบรนด์ แลนซีโอ จาก ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวแลนซีโอ คริป 2 ปิ่นเกล้า-พระราม 5 ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 13 ไร่ มูลค่า 400 ล้านบาท เอกสิทธิ์เฉพาะ 66 ครอบครัวเท่านั้น พื้นที่ใช้สอย 3 ห้องนอน พร้อมระเบียงชมวิว ,1 ห้องอเนกประสงค์ ,3 ห้องน้ำ ,1 ห้องรับแขก ส่วนเตรียมอาหารโดยครัวแยกเป็นสัดส่วน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เชื่อมต่อถนนปิ่นเกล้า ,ถนนราชพฤกษ์ และถนนรัตนาธิเบศร์ พร้อมทั้งยังใกล้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต อีกด้วย ซึ่งโครงการนี้ ได้พัฒนาอยู่บนทำเลที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4-7 ล้านบาท
โครงการบ้านเดี่ยวแลนซีโอ คริป 2 รัตนาธิเบศร์ ท่าอิฐ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 14 ไร่ มูลค่า 420 ล้านบาท บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ฟังก์ชันครบในสไตล์ฝรั่งเศส ในสังคมเป็นส่วนตัวเพียง 68 ครอบครัว พื้นที่ใช้สอย 3 ห้องนอน พร้อมระเบียงชมวิว ,1 ห้องอเนกประสงค์ ,3 ห้องน้ำ ,1 ห้องรับแขก ส่วนเตรียมอาหารโดยครัวแยกเป็นสัดส่วน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งการเดินทางก็สะดวกสบาย เพราะใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ ,ทางด่วนงามวงศ์วาน นอกจากนี้ยังใกล้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และสถานพยาบาลอย่าง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ อีกด้วย ซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.79-7 ล้านบาท
โครงการลลิลทาวน์ ชัยพฤกษ์-ไทรน้อย ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 52 ไร่ มูลค่า 1.4 พันล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์แลนซิโอ คริป รวม 114 ยูนิต และ โครงการทาวน์โฮมแบรนด์ ไลโอ รวม 344 ยูนิต ซึ่งถือเป็นโครงการที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เชื่อมต่อ ถนนชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ,ถนนราชพฤกษ์-สาทร ,ถนนกาญจนาภิเษกฯ และถนนรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน หรือแม้กระทั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีชมพู ที่เข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังใกล้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต สถานพยาบาลอย่างโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระในวันพักผ่อน ภายในโครงการมีฟิตเนสวิวสวน และสวนส่วนกลางสีเขียวขนาดใหญ่ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เรียกว่าสะดวกครบจบในที่เดียว
โดยโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์แลนซิโอ คริป ชัยพฤกษ์-ไทรน้อย มีพื้นที่ใช้สอย 3 ห้องนอน พร้อมระเบียงชมวิว ,1 ห้องอเนกประสงค์ ,3 ห้องน้ำ ,1 ห้องรับแขก ส่วนเตรียมอาหารโดยครัวแยกเป็นสัดส่วน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4-7 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮมแบรนด์ ไลโอ ชัยพฤกษ์ – ไทรน้อย มีพื้นที่ใช้สอย 3 ห้องนอน ,1 ห้องอเนกประสงค์ ,2 ห้องน้ำ ,1 ห้องรับแขก พร้อมส่วนเตรียมอาหาร และจอดรถ 2 คัน มาพร้อม Flexible Function สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ หน้ากว้าง สามารถใช้สอยได้คุ้มทุกตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Happiness of Living” ความสุขที่ลงตัวกับทุกความต้องการของการใช้ชีวิต ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2 ล้านบาท
บริษัทยังคงเดินหน้านำเสนอโครงการใหม่สู่มือผู้บริโภคตลอดปี 65 ในทำเลคุณภาพทั่วทุกพื้นที่ ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาบ้านในทุกระดับราคาของกลุ่ม real demand ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงสุดในปัจจุบัน และพร้อมจะพัฒนาแนวคิด การออกแบบและฟังก์ชัน ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแต่ละช่วงอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มมูลค่าโครงการในอนาคต และคาดว่าจากแนวคิดการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ที่ 7.2 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มิ.ย. 65)
Tags: LALIN, ชูรัชฏ์ ชาครกุล, ลลิล พร็อพเพอร์ตี้