นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมฯ สำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ
ล่าสุดได้รับรายงานจาก นายณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงโอกาสในการใช้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน ที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากทางบก ทางเรือ และทางอากาศ
ทูตพาณิชย์ รายงานว่า การขนส่งทางรางผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเลือกในการขนส่งสินค้าของไทยไปยังประเทศจีน และแม้ว่าด่านรถไฟโม่ฮานจะมีพิธีสารระหว่างกรมศุลกากรสาธารณรัฐประชาชนจีนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย ว่าด้วยการตรวจสอบการกักกันโรคสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่ 3 ระหว่างสหราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่สามารถนำเข้าผลไม้ได้ เนื่องจากด่านดังกล่าว ยังต้องมีการดำเนินการก่อสร้างลานจำเพาะ สำหรับตรวจสอบสินค้านำเข้า และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับ 8 ประเภท ได้แก่ ผลไม้, เนื้อสัตว์, ธัญพืช, สินค้าอาหารทะเลสดแช่เย็น, สัตว์น้ำมีชีวิต, ต้นกล้า, ไม้ และสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อให้สามารถรองรับการนำเข้าสินค้าได้อย่างหลากหลาย
ทั้งนี้ ในช่วงระยะแรกจะมีการสร้างและใช้งานลานตรวจสอบสินค้านำเข้า 3 ประเภทก่อน ได้แก่ ผลไม้ ธัญพืชและสินค้าอาหารทะเลสดแช่เย็น โดยผ่านการอนุมัติจากศุลกากรจีน (GACC) แล้ว และคาดว่าลานดังกล่าวจะสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้งานได้ภายในปี 65 ส่วนการก่อสร้างและขออนุมัติลานจำเพาะสินค้าอีก 5 ประเภท ได้แก่ เนื้อสัตว์ ต้นกล้า ไม้ สัตว์น้ำมีชีวิตและสิ่งมีชีวิตจะดำเนินการต่อไปในภายหลัง
อย่างไรก็ดี หากลานสินค้าจำเพาะสามารถเปิดใช้งานได้แล้ว ด่านรถไฟโม่ฮานจะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขนส่งสินค้าที่สำคัญของมณฑลยูนนาน และสามารถสร้างประโยชน์ด้วยการลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งสินค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้สด ผักสด และดอกไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่เน่าเสียง่าย และต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง
นายภูสิต กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันด่านรถไฟโม่ฮาน ยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกและลานตรวจสอบสินค้าผลไม้ ทำให้มีผู้ประกอบการไทยบางราย ทดลองขนส่งผลไม้ผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีนในบางส่วนของเส้นทาง ยังไม่ผ่านด่านรถไฟโม่ฮาน โดยขนส่งในรูปแบบผสมผสานทางรถและทางราง เพื่อแก้ไขปัญหาในการเร่งระบายผลไม้จากไทยเข้าจีน ได้แก่ ทุเรียนและมะพร้าว
ทั้งนี้ การขนส่งจะใช้ 2 รูปแบบ คือ กรณีที่ 1 รถไฟไทย-ท่านาแล้ง สปป.ลาว-รถไฟลาว-จีน (สถานีเวียงจันทน์ใต้-สถานีนาเตย สปป.ลาว)-รถบรรทุกลาว (นาเตย-บ่อเต็น สปป.ลาว)-เปลี่ยนเป็นรถบรรทุกของจีน ณ LIDC ด่านบ่อเต็น-รถบรรทุกจีน (บ่อเต็น สปป.ลาว-โม่ฮาน จีน-ปลายทาง) และกรณีที่ 2 รถบรรทุก-ท่านาแล้ง สปป.ลาว-รถไฟลาว-จีน (สถานีเวียงจันทน์ใต้-สถานีนาเตย สปป.ลาว)-รถบรรทุก (นาเตย-บ่อเต็น สปป.ลาว)-เปลี่ยนเป็นรถบรรทุกของจีน ณ LIDC ด่านบ่อเต็น-รถบรรทุกจีน (บ่อเต็น สปป.ลาว-โม่ฮาน จีน-สถานีโม่ฮาน)-รถไฟลาว-จีน (สถานีโม่ฮาน-สถานีหวังเจียหยิง)-รถบรรทุก (สถานีหวังเจียหยิง-ปลายทาง)
“การขนส่งด้วยรถไฟในช่วง สปป.ลาว จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาถนนในลาวที่มีสภาพไม่ดี ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนรถลากที่เชื่อมด่าน ณ บริเวณเชียงของ (จ.เชียงราย ประเทศไทย)-ด่านห้วยทราย (สปป.ลาว) ประหยัดเวลาในการขนส่งในสปป.ลาว แต่ก็มีความท้าทาย คือ การขนส่งทางรถไฟต้องรอการเติมสินค้าให้เต็มทั้งขบวน แล้วจึงค่อยขนส่งไปที่จีนได้ หรือจะต้องเหมาทั้งขบวนรถไฟ และแม้ว่าจะเป็นการขนส่งด้วยรถไฟลาว-จีน แต่เมื่อมาถึงสถานีนาเตย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นการขนส่งด้วยรถบรรทุกจากนาเตยมาถึงด่านบ่อเต็น และจำเป็นต้องรอคิวเข้าด่านโม่ฮานร่วมกับรถบรรทุกที่ขนส่งทางถนนมาตลอดสายเช่นเดียวกัน”
นายภูสิต กล่าว
นายภูสิต กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมเส้นทางส่งออกผลไม้ไทย ระหว่างรอการสร้างลานผลไม้ด่านรถไฟโม่ฮาน กรมฯ ได้ร่วมกับ สคต. นครคุนหมิง เร่งสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ไทย-จีน โดยจัดกิจกรรม Online Business Matching ให้กับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยและจีน โดยวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจโลจิสติกส์ทางออนไลน์ระหว่างบริษัท Yunnan Tengjin Logistics Incorporated Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจด้านโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของมณฑลยูนนาน กับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไทยทั้งหมด 16 บริษัท สร้างมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 374 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังมีกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจโลจิสติกส์ทางออนไลน์ระหว่างบริษัท New Land-Sea Corridor Operation จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างรัฐวิสาหกิจ กับบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์หลายรูปแบบทั้งการขนส่งทางบก ราง ทะเลและอากาศ ที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพการขนส่งสูงกับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไทยทั้งหมด 16 บริษัท สร้างมูลค่าการค้ารวมมากกว่า 330 ล้านบาท
นอกจากนี้ สคต. นครคุนหมิง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และบริษัท New Land–Sea Corridor Operation จำกัด ได้ร่วมหารือเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีน และเกิดรูปแบบการขนส่งผลไม้ไทยแบบผสมผสาน โดยใช้เส้นทางท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือชินโจว-ขนส่งทางรางมายังมหานครฉงชิ่ง กระจายสินค้าในพื้นที่ต่างๆ ของจีน ซึ่ง ส.อ.ท. จะรวบรวมผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกผลไม้ในรูปแบบดังกล่าว เพื่อเจรจากับบริษัท New Land-Sea Corridor Operation จำกัด โดย สคต. พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้ต่อไป
สำหรับข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทย จะต้องรักษามาตรฐานสินค้าและปฏิบัติตามกฎระเบียบของจีนอย่างเคร่งครัด เนื่องจากขณะนี้ ทางการจีนให้ความสำคัญกับนโยบาย Zero Covid เป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการผลไม้ ควรควบคุมและป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19 ในสินค้าและบนบรรจุภัณฑ์ระดับสูงสุด
ขณะเดียวกัน จะต้องติดตามสถานการณ์ด่านและเส้นทางการขนส่งอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประสานผู้นำเข้าและบริษัทโลจิสติกส์ให้ชัดเจนก่อนการขนส่งทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดจากความไม่แน่นอนของด่านทางบกที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ไปตามสถานการณ์การตรวจพบเชื้อโควิด-19 และการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ของทางการจีน โดยผู้ประกอบการผลไม้ควรมีความยืดหยุ่น และอาจพิจารณาใช้เส้นทางการขนส่งทางอื่นแทนเส้นทางบกด้วย เช่น ทางเรือ และทางอากาศ เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มิ.ย. 65)
Tags: การค้าระหว่างประเทศ, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ณัฐ วิมลจันทร์, ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์, ส่งออก