ราคาหุ้นทวิตเตอร์ปรับตัวลงเกือบ 1% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ หลังจากนายอีลอน มัสก์ ขู่ว่า เขาอาจจะถอนตัวจากข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หากทวิตเตอร์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสแปมและบัญชีปลอม
คำเตือนดังกล่าวของนายมัสก์ส่งผลให้ราคาหุ้นทวิตเตอร์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ปิดตลาดร่วงลงเกือบ 1.5% ในวันจันทร์ (6 มิ.ย.) โดยแม้ว่าคำเตือนในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่การที่ทนายความของนายมัสก์ส่งจดหมายเตือนโดยตรงไปถึงนายวิจายา เกดด์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์นั้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่า มีความเป็นไปได้ที่นายมัสก์จะถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว โดยนายมัสก์ระบุว่า ทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลงที่ระบุไว้ในพันธกรณีว่าด้วยการซื้อกิจการ
เนื้อหาในจดหมายที่ส่งถึงฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์ยังระบุด้วยว่า นายมัสก์ได้ย้ำคำร้องขอให้ทวิตเตอร์ส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีปลอม และระบุว่าเขามีสิทธิอันชอบธรรมทุกประการที่จะระงับการซื้อกิจการ เนื่องจากทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลงที่ระบุไว้ในพันธกรณีอย่างชัดเจน ด้วยการไม่ยอมส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กับเขา
ทั้งนี้ นายมัสก์ได้ประกาศในช่วงที่เขาตัดสินใจเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ว่า ภารกิจแรกของเขาคือการกวาดล้าง “spam bots” ออกจากทวิตเตอร์
ด้านทวิตเตอร์ประเมินว่าบัญชีปลอม หรือบัญชีที่เป็น bots มีสัดส่วนไม่ถึง 5% ของบัญชีทั้งหมด ขณะที่นายมัสก์ต้องการให้ทวิตเตอร์ยืนยันข้อมูลดังกล่าวก่อนที่เขาจะเดินหน้าเจรจาข้อตกลงซื้อกิจการต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 65)
Tags: Twitter, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, ทวิตเตอร์, บัญชีปลอม, บัญชีสแปม, หุ้นทวิตเตอร์, อีลอน มัสก์