ในช่วง 3 สัปดาห์นับตั้งแต่ที่นายอีลอน มัสก์ อ้างว่าบัญชีปลอมเป็นเหตุผลที่ทำให้แผนเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ในมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ต้อง “ระงับไว้ก่อน” นั้น ผู้สังเกตการณ์และผู้มีส่วนร่วมในดีลนี้ต่างพยายามถอดรหัสความคิดเบื้องหลังคอมเมนต์ของนายมัสก์ โดยประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนายมัสก์ ซึ่งเขาเคยบ่นมาหลายปีแล้วเกี่ยวกับความสามารถของทวิตเตอร์ในการวัดและจัดการบัญชีบอตบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ที่มีสแปมอยู่บ่อยครั้ง
เว็บไซต์มาร์เก็ตวอชรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนักวิจัยว่า ไม่ว่านายมัสก์จะหยิบยกประเด็นดังกล่าวด้วยเจตนาเช่นไรก็ตาม แต่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเขามีปฏิสัมพันธ์กับบอตอย่างกว้างขวางผิดปกติ โดยนักวิจัยกล่าวว่า นายมัสก์ในฐานะผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 95 ล้านคน มีแนวโน้มที่จะมีประสบการณ์กับบัญชีสแปมและบัญชีปลอมมากกว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ในทวิตเตอร์ โดยนักวิจัยคนหนึ่งประมาณการว่า บัญชีส่วนใหญ่ที่กดติดตามนายมัสก์จะประกอบด้วยบัญชีสแปม บัญชีปลอม หรือบัญชีที่ไม่ได้ใช้งาน
นายดาริอุส คาเซมี โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เวลากว่าทศวรรษในการสร้างและศึกษาบอต และปัจจุบันเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสที่มีดาน (Meedan) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านเทคโนโลยีที่มุ่งต่อต้านข่าวปลอม กล่าวว่า “นายมัสก์เป็นคนที่พิเศษเหนือกว่าใคร ประสบการของณ์เขาไม่ใช่แค่แตกต่างไปจากผู้ใช้ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังแตกต่างจากคนดังทั่วไปอีกด้วย”
อย่างไรก็ดี นายมัสก์ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับรายงานดังกล่าว แต่เขาเคยกล่าวหลังจากประกาศซื้อกิจการทวิตเตอร์เมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ว่า เขาต้องการปรับปรุงทวิตเตอร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยการสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ, สร้างอัลกอริทึมแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ, กำจัดสแปมในรูปของบอต และให้การรับรองตัวตนของผู้ใช้งานทุกคน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 65)
Tags: Twitter, ดาริอุส คาเซมี, ทวิตเตอร์, อีลอน มัสก์