คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) เปิดเผยในวันศุกร์ (3 มิ.ย.) ว่า ประชาชนมากกว่า 46,000 คนเปิดเผยว่า พวกเขาสูญเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการฉ้อโกงด้านคริปโทเคอร์เคอร์เรนซีนับตั้งแต่ต้นปี 2564
การขาดทุนในปีที่แล้วคิดเป็นเกือบ 60 เท่าของการขาดทุนในปี 2561 ซึ่งแต่ละรายขาดทุนเฉลี่ย 2,600 ดอลลาร์
FTC ระบุว่า ประชาชนที่สูญเงินเปิดเผยว่า พวกเขาได้เคยจ่ายเงินคริปโทฯ ให้ผู้ฉ้อโกงเป็นบิตคอยน์ (70%), เทเธอร์ (10%) และอีเธอร์ (9%)
เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่รายงานว่าสูญเงินคริปโทฯ จากการหลอกลวงนับตั้งแต่ปี 2564 นั้น ระบุว่า การฉ้อโกงนั้นเริ่มต้นด้วยข้อความหลอกลวงบางประเภทบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ถูกพูดถึงในการร้องเรียนนี้ได้แก่ อินสตาแกรม (32%), เฟซบุ๊ก (26%), วอตส์แอป (9%) และ เทเลแกรม (7%)
เว็บไซต์และแอปเกี่ยวกับการลงทุนปลอมทำให้ประชาชนสูญเงินคริปโทราว 575 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 โดยประชาชนที่ถูกหลอกให้ลงทุนในเว็บหรือแอปปลอมดังกล่าวไม่สามารถถอนเงินลงทุนคืนได้
การหลอกลวงแบบโรมานซ์เป็นแหล่งที่มาของการสูญเงินจากการฉ้อโกงคริปโทฯ ที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสอง โดยเป็นการหลอกเหยื่อให้รัก เพื่อหวังแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ
นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงโดยการแอบอ้างเป็นองค์กรธุรกิจหรือรัฐบาล ซึ่ง FTC กล่าวว่ามักจะเริ่มต้นด้วยข้อความปลอมที่อ้างว่ามาจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น แอมะซอน หรือไมโครซอฟท์
คนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะถูกหลอกลวงในกลโกงคริปโทฯ โดย FTC รายงานว่า ผู้ที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 49 ปีมีโอกาสมากกว่ากลุ่มคนอายุมากกว่าถึงสามเท่าที่จะสูญเงินให้กับกลุ่มนักต้มตุ๋น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง FTC ระบุว่า ประชาชนควรเข้าใจว่า การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีนั้นไม่มีการรับประกันผลตอบแทน หลีกเลี่ยงการจัดการทางธุรกิจที่ต้องมีการซื้อคริปโทฯ และระวังการหลอกลวงเกี่ยวกับเรื่องความรักความโรแมนติกทั้งหลายที่มาพร้อมกับการชักชวนใด ๆ ที่เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโทฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 65)
Tags: Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, สหรัฐ