นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้ได้ประชุมร่วมกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) เกี่ยวกับปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยเบื้องต้น KT ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำสัญญาจ้างการเดินรถ เหตุผลในการจ้าง ระยะเวลาก่อหนี้ ซึ่งต้องนำข้อมูลมาศึกษาต่อไป
“สำหรับสัญญาการจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่จะสิ้นสุดในปี 85 ก่อให้เกิดภาระหนี้สิน จะต้องนำข้อมูลมาตรวจสอบว่าภาระหนี้สินเกิดจากอะไร และสัญญาได้รับการอนุมัติจากสภากทม.หรือไม่ ซึ่งมีข้อผูกพันหลายอย่างจึงต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง และที่ผ่านมาไม่ผ่าน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ไม่มีการแข่งขัน จึงไม่รู้ว่าราคาที่สมควรคือเท่าไหร่ แต่น่าจะมีจุดที่สามารถต่อรองราคาให้ถูกลงมาได้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว
สำหรับภาระหนี้สินที่คงค้างประมาณ 4 หมื่นล้านบาทนั้น KT ได้ทยอยชำระอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ซึ่งผู้ว่ากทม.ระบุว่าไม่อยากให้นำภาระหนี้สินมาเป็นตัวเร่งรัดการตัดสินใจเรื่องในระยะยาว แม้ว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่หากจำเป็นต้องชำระหนี้ กทม.ก็ยังมีข้อบัญญัติที่สามารถกู้เงินที่จะนำมาชำระหนี้ได้ โดยเป็นข้อบัญญัติที่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภากทม.ก่อน และหากเป็นการกู้เงินของภาครัฐก็จะได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าการกู้ของเอกชน จึงต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบว่าทางใดดีที่สุด
ทั้งนี้ อีกหนึ่งแนวทางที่จะลดภาระหนี้สิน คืออาจจะเริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 เนื่องจากปัจจุบันให้บริการฟรี ทั้งนี้ต้องศึกษารายละเอียดและดูความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นประชาชนและภาคเอกชนด้วย
ในส่วนของประเด็นเร่งด่วนที่มีการหารือกันในวันนี้อีกประเด็นหนึ่ง คือการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน กรอบวงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งดำเนินการไปแล้วบางส่วน แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการหารายได้จากผู้ใช้บริการและมีปัญหาทางด้านเทคนิค จึงต้องศึกษาในรายละเอียดอีกครั้งว่าสัญญาเป็นอย่างไร การหารายได้เป็นอย่างไร สามารถลดวงเงินก่อสร้างได้หรือไม่ รวมทั้งต้องหารือกับผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อให้ค่าบริการถูกที่สุด ไม่ให้เป็นภาระของผู้บริโภค
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 65)
Tags: lifestyle, กรุงเทพธนาคม, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, รถไฟฟ้าสายสีเขียว