หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวลง กังวลศก.สหรัฐอาจถดถอยจากเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในทิศทางปรับตัวลดลง จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่สงครามรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังมีความผันผวนจากโอเปกและชาติพันธมิตรกำลังพิจารณาระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซีย โดยให้แนวรับที่ 1,650-1,655 จุดและแนวต้าน 1,665-1,670 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในขณะเดียวกันสงครามระหว่างรัสเซีย และ ยูเครนยังคงยืดเยื้อ

นอกจากนี้ราคาน้ำมันมีความผันผวนมากขึ้น หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังพิจารณาความเป็นไปได้จะระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในข้อตกลงด้านการผลิตของโอเปกพลัส

ทั้งนี้มองว่านักลงทุนอาจจะมีการขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาวช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยให้แนวรับที่ 1,650-1,655 จุด และแนวต้าน 1,665-1,670 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,813.23 จุด ลดลง 176.89 จุด หรือ -0.54%ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,101.23 จุด ลดลง 30.92 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,994.46 จุด ลดลง 86.93 จุด หรือ -0.72%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,340.52 จุด ลดลง 117.37 จุด หรือ -0.43%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,057.04 จุด ลดลง 237.9 จุด หรือ -1.12% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,170.31 จุด ลดลง 11.85 จุด หรือ -0.37%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มิ.ย.) ที่ระดับ 1,660.01 จุด ลดลง 3.40 จุด, -0.20%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,603.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.(1 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 115.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มิ.ย.) อยู่ที่ 22.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.37 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขานรับตัวเลขศก.สหรัฐ

– นายกฯสั่งหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ตรวจเข้ม “สถานบันเทิง-ผับ-บาร์- คาราโอเกะ” หลังไฟเขียวเปิดวันแรก ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกินเที่ยงคืน ย้ำต้องระวังไม่ให้มีคลัสเตอร์ใหม่เด็ดขาด สธ.เตรียมความพร้อม 4 ด้าน เดินหน้า “โควิด” สู่โรคประจำถิ่นอย่างปลอดภัย ชูแนวคิด Health for Wealth ตรวจหาเชื้อ ผู้ป่วยในหรือผ่าตัด ปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เน้นมาตรการ 2U – COVID Free Setting ให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดได้

– กกร.ชี้เศรษฐกิจไทยเผชิญ ความเสี่ยงรอบด้าน จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หวั่นกระทบการส่งออกครึ่งปีหลัง ลุ้นการท่องเที่ยวช่วยพยุงเศรษฐกิจ คงจีดีพีทั้งปี 2.5 -4.0% “กอบศักดิ์” ห่วงวิกฤติพลังงาน แนะรัฐบาลลดขนาดมาตรการ คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน เก็บกระสุนดูแล ราคาน้ำมันแพง จากยุโรปคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย

– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index : RSI) โดยพบว่าความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งภาวะปัจจุบัน และในระยะ 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลงจากภาวะค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นซ้ำเติมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐทยอยหมดลง ซึ่งกดดันการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก

– นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย” ว่า ความขัดแย้งในยุโรปจากผลกระทบของสงครามยูเครน-รัสเซียที่นำไปสู่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจะเป็นผลกระทบที่ยาวนาน และทำให้ราคาน้ำมันดิบและราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปี รวมทั้งเกิดการขาดแคลนอาหาร ปุ๋ยราคาแพง ส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้สหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาที่มีหนี้ต่างประเทศสูงให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งวิกฤติครั้งนี้องค์กรการเงินระหว่างประเทศบอกว่าเป็นวิกฤติที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 หรือที่เรียกว่า Perfect Storm

*หุ้นเด่นวันนี้

– PSL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 25 บาท แนวโน้มกำไร ไตรมาส 2/65 ดีต่อเนื่องตามทิศทางดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ที่เพิ่มขึ้นและคาดว่ากำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดของปีได้ในช่วงไตรมาส 3/65 จาก high season ของธุรกิจ โดยวันนี้ BDI เพิ่มขึ้น 67 (+2.61%) ปิดที่ระดับ 2,633 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ

– YGG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 12.00 บาท “คาดรับงานกราฟฟิก-เกมส์ และแอนิเมชั่น เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” ผู้บริหารประเมินรายได้ปี 65 โต 15-20% หนุนด้วยการใช้จ่ายโฆษณาของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ในไตรมาส 1/65 สมาคมสื่อโฆษณาดิจิตอล (DAAT) เผยเม็ดเงินโฆษณา โต 2%YoY แบ่งเป็น TV โต 9%YoY, Outdoor โต 19%YoY, และโรงหนังโตถึง 43%YoY ตามลำดับประเมินโอกาสในการได้งานกลุ่ม กราฟฟิก-แอนิเมชั่น สูง, โปรเจคเกม และ NFT เป็นไปตามแผน YGG เตรียมย้ายจาก MAI เข้า SET   Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566  เฉลี่ยที่ 139 ลบ. และ 195 ลบ. +24%YoY, +40%YoY ตามลำดับ

– CKP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.65 บาท) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/65-ไตรมาส 3/65 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากสถิติปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกสะสมและประเทศจีนมีการเร่งระบายน้ำออกมามากขึ้น นอกจากนี้ CKP ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น XPCL เป็น 42.5% ตั้งแต่ไตรมาส 3/64 ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการขายไฟเพิ่ม ส่วนภาพรวมทั้งปี 65 คาดกำไรทรงตัวจากปีก่อน ทั้งนี้บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 4.8 GW ภายในปี 67 ซึ่งล่าสุดได้เซ็น MOU โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,460 MW (สัดส่วนการถือหุ้น 42%) กำหนด COD ปี 73

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top