นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทนวันนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกลับมาสร้างความกังวลอีกครั้ง หลังมีสมาชิกเฟดรายหนึ่งออกมาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อกดเงินเฟ้อ แต่ยังมีปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง รอติดตามผลประชุมโอเปคพลัส ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น เล็กน้อย โดยให้แนวต้าน 1,670-1,675 จุด แนวรับ 1,650-1,655 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยที่อาจจะมีปัจจัยที่กลับมาสร้างความกังวลให้ตลาดในเรื่องของการที่มีสมาชิกธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) รายหนึ่งออกมาสนับสนุนให้ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง 0.50% ต่อครั้ง จนกว่าจะสามารถกดเงินเฟ้อได้ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ย่อตัวลงมา แต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ก็รีบาวด์กลับมาเป็นบวกแล้ว
อย่างไรก็ตามปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหลังจากการที่ EU แบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แต่ยังต้องติดตามการประชุมโอเปคพลัสในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ว่าจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของสมาชิกในกลุ่มชดเชยรัสเซียหรือไม่ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
โดยให้แนวต้าน 1,670-1,675 จุด แนวรับ 1,650-1,655 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,990.12 จุด ลดลง 222.84 จุด หรือ -0.67%ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,132.15 จุด ลดลง 26.09 จุด หรือ -0.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,081.39 จุด ลดลง 49.74 จุด หรือ -0.41%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,295.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.83 จุด หรือ +0.06%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,407.79 จุด ลดลง 7.41 จุด หรือ -0.03% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,179.69 จุด ลดลง 6.74 จุด หรือ -0.21%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 พ.ค.) ที่ระดับ 1,663.41 จุด เพิ่มขึ้น 9.80 จุด, +0.59%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,826.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 พ.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.(31 พ.ค.) ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 114.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 พ.ค.) อยู่ที่ 22.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.10 แข็งค่าตามทิศทางตลาด คลายกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ-จับตา Flow ไหลเข้า
– นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน เม.ย.65 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน จากการบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น สอดคล้องกับความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโอมิครอนที่ลดลง ด้านการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นตามหมวดก่อสร้าง นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยปรับเพิ่มขึ้น หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มเติม การส่งออกสินค้าขยายตัว 6.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ขยายตัวได้ เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 4.65% ปรับลดลงตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวที่ 2%
– พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล บังคับใช้ในไทยแล้ววันนี้ “เธียรชัย” ชี้ยกระดับมาตรฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเทียบเท่าสากล “ดีอีเอส” จ่อคลอดกฎหมายลูกหวังขับเคลื่อนคู่ขนานพร้อมทำแนวทางปฏิบัติ “เอกชน” เสนอชะลอบทลงโทษกฎหมาย “ส.อ.ท.” ห่วงภาระต้นทุนเอสเอ็มอี ชี้ต้องใช้งบปรับระบบข้อมูล 5 หมื่นล้าน “หอการค้า” แนะชะลอใช้บทลงโทษ “แบงก์พาณิชย์ สถาบันการเงินรัฐ โบรกเกอร์” พร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย
– ตลาดอีวีสะดุด ลูกค้าโวยบริษัทจองแล้ว ไม่ได้รถ เหตุผู้จำหน่ายรอประกาศลดภาษีสรรพสามิตอย่างเป็นทางการ หลังเซ็นเอ็มโอยูตั้งแต่เดือน มี.ค. “เอ็มจี” เผยมีรถรอส่งมอบกว่า 400 คัน ส่งผลเงินจม 400 ล้าน ด้านสรรพสามิต เผยรอประกาศในราชกิจจาฯ ลดภาษี รถ 6 ประเภท ระบุรถติดด่านศุลกากร 1,000 คัน
– สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 วันแรก รัฐบาลคาดเงินเฟ้ออยู่กรอบเป้าหมาย แจงหนี้สาธารณะ สิ้น มี.ค. 60.6 เปอร์เซ็นต์ “ชลน่าน” ซัด “บิ๊กตู่” ตัวกองปัญหา ย้ำจุดยืนคว่ำร่างงบฯ 66 ในวาระแรก “พิธา” มอบฉายา “งบช้างป่วย” เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ไม่ตอบสนองวิกฤต-สร้างโอกาสไม่ได้ นายกฯ ชี้ทุ่มงบลงทุนพอตาม กม. ย้อนไม่อยากพูดใครทำจำนำข้าวขาดทุน 9.5 แสนล้าน
– ไทยพบผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น 3,955 ราย เสียชีวิต 21 คน “อนุทิน” แจงรัฐบาลไม่เคยสั่งให้ถอดแมสก์ นายกฯ บอกใส่ได้ก็ดี ขณะที่คำสั่ง กทม. ผ่อนปรนให้เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ นั่งดริงก์ เฉพาะที่ผ่านมาตรฐานปลอดภัยโควิด เริ่ม 1 มิ.ย.นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
– BANPU (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท รัสเซียประกาศหยุดส่งก๊าซให้เอกชน EU คาดราคาก๊าซ-ถ่านหินไปต่อ รับประโยชน์จากราคาก๊าซและถ่านหินที่เพิ่มขึ้น New Castle Coal +31% และก๊าซ (Henry Hub) +14% ตามลำดับ นับจากเดือนเดือน พ.ค. จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ดำเนินไป ประเมินกำไรปกติไตรมาส 2/65 ที่ 1.82 หมื่น ลบ. +654%YoY, +105%QoQ ทำจุดสูงสุดใหม่ จากราคาและปริมาณการขายถ่านหินและก๊าซที่เพิ่มขึ้น KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 3.14 หมื่น ลบ. และ 2.46 หมื่น ลบ. +155%YoY, -35%YoY ตามลำดับ
– INSET (โนมูระ พัฒสิน) “ซื้อ” เป้าหมาย 7 บาท จาก 1) แนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีปัจจุบัน อาทิ Data Center ทั้งผู้ประกอบการหลักในประเทศและรายใหม่ๆ ที่ทยอยเข้ามาจากต่างประเทศ, เสาสายโทรคมนาคมที่อยู่ในรอบใหญ่ทั้ง 5G, การนำสายลงดินและรถไฟฟ้า 2) ศักยภาพเฉพาะตัวบริษัทในเรื่องการรับงานก่อสร้าง Data Center ซึ่งมีคู่แข่งน้อยราย โดยเฉพาะการสร้างคุณภาพสากลระดับ Tier III ได้ ดึงดูดลูกค้าต่างประเทศ 3) สถานะ Net Cash พร้อมรองรับการรับงานขนาดใหญ่ที่เป็น Upside ส่วนเพิ่ม
– CPALL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 3,453 ลบ. (+32.86% YoY, -48.49% QoQ) ฟื้นตัวได้โดดเด่นโดยหากไม่นับรวมไตรมาส 4/64 ที่มีกำไรพิเศษที่เกิดจากควบรวมธุรกิจและการขายหุ้นบ.ย่อย จะเห็นการขยายตัวของกำไรราว +20%QoQ รับแรงหนุนจากรายได้จากการขายและบริการที่เติบโตทั้ง 7-11 และ Makro-Lotus ด้านทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวต่อทั้ง YoY QoQ จาก Traffic คนเดินทางที่ฟื้นตัวทั้งในเดือนเม.ย. และ พ.ค.65 รวมถึงแรงหนุนจากเทศกาล วันหยุดยาว เช่น สงกรานต์ ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิของปี65 และ 66 อยู่ที่ 15,554 ลบ.(+19.78%YoY) และ 20,827 ลบ.(+33.90%YoY) ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มิ.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย