S ลุ้น H2/65 พลิกกำไรรับแรงหนุนธุรกิจโรงแรมฟื้น-โอนโครงการ-ขายสิงห์ คอมเพล็กซ์เข้า REIT

นายชัยรัตน์ ศิวะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้ โดยที่มีปัจจัยหนุนหลักมาจากธุรกิจโรงแรมภายใต้การดำเนินงานของบมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ซึ่งมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยที่โรงแรมในมัลดีฟส์ และอังกฤษได้มีการฟื้นตัวเป็นกลุ่มแรกๆ ซึ่งเห็นได้จากอัตราการเข้าพัก (OCC) ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็นเฉลี่ย 50-60%

ส่วนโรงแรมในประเทศไทย มอร์เชียส และฟูจิ ได้เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 ตามลำดับเป็นกลุ่มที่สองที่จะเข้ามาเสริม โดยเฉพาะในประเทศไทยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักโรงแรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นไปแตะ 60% จากก่อนหน้านี้ที่เฉลี่ย 38% โดยมาจากโรงแรมในภูเก็ตและเกาะพีพี

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/65 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นฤดูร้อนของฝั่งประเทศในกลุ่มยุโรป ซึ่งประเมินว่าจะเห็นการท่องเที่ยวในยุโรปเพิ่มมากขึ้น และหนุนต่อโรงแรมในประเทศอังกฤษที่จะมีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น และมีการปรับราคาห้องพักเพิ่มสูงขึ้นตามซีซั่นของการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นและพีคซีซั่น หนุนต่อธุรกิจโรงแรมของบริษัทกลับมาเติบโตขึ้นได้อย่างโดดเด่น และส่งผลบวกต่อภาพรวมของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโอนโครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เข้ามาเพิ่มอีก 3-4 แปลง เข้ามาเสริมรายได้ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ทำให้เริ่มมีรายได้เริ่มเข้ามาจากที่ในช่วงครึ่งปีแรกจะมีการชะลอไปบ้าง เพราะมีโครงการโอนเข้ามาเป็นรายได้ไม่มาก รวมกับการเริ่มทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียม ESSE สุขุมวิท 36 ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 66% เข้ามาช่วยหนุน โดยที่กลยุทธ์ของกานขายคอนโดมิเนียมบริษัทมีการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าคนไทยต่อเนื่อง และการที่ได้รับความร่วมมือกับพันธมิตรเอเจนซี่จากจีนเข้ามาช่วยในการทำการตลาดขายให้กับลูกค้าชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความสนใจซื้อโครงการดังกล่าวค่อนข้างมาก

นอกจากนี้บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/65 จะมีการขายอาคารสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีกในโครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอพิจารณาจากทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งหลังจากขายเข้ากองรีทแล้วบริษัทจะมีการรับรู้กำไรพิเศษเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้เป็นหนึ่งปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไรในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

ด้านแผนการลงทุนของบริษัทในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย จะรุกการลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น โดยวางงบลงทุน 3 ปี (ปี 65-67) รองรับการพัฒนาโครงการแนวราบไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งวางแผนพัฒนาโครงการแนวราบเฉลี่ย 3-4 โครงการ/ปี มูลค่าโครงการที่พัฒนาราว 3-4 พันล้านบาท/โครงการ ซึ่งยังคงเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน รวมถึงการพัฒนาแบรนด์บ้านแนวราบใหม่ออกมา อีกทั้งเป็นการเติมสินค้าใหม่เข้ามาให้กับลูกค้าได้เลือกมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีโครงการแนวราบเพียง 1 โครงการ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่หนุนการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาวอย่างมั่นคง

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจโรงแรมนอกจากการลงทุนก่อสร้างโรงแรมในมัลดีฟส์ เกาะ 3 แล้ว ยังวางแผนในการปรับปรุงโรงแรมในอังกฤษที่มีศักยภาพอีก 3-4 แห่ง เพื่อเป็นการอัพเกรดโรงแรมให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มอัตราค่าห้องพักให้สูงขึ้น โดยที่วางบลงทุนในการปรับปรุงโรงแรมในอังกฤษไว้ 10 ส้านปอนด์ ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการที่บริษัทจะพิจารณาทยอยขายโรงแรมในพอร์ตอังกฤษที่ไม่ได้สร้างศักยภาพให้กับพอร์ตโรงแรมของบริษัทออกมา โดยปัจจุบันมีโรงแรมในอังกฤษรวม 25 แห่ง ซึ่งจะทยอยขายออกมาให้เหลือแต่โรงแรมที่มีศักยภาพจำนวน 6-8 แห่ง

ขณะที่โครงการอาคารสำนักงานแห่งใหม่ S Oasis พื้นที่ 55,700 ตารางเมตร จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 65 ปัจจุบันมีอัตราการเช่าที่ทำสัญญากับลูกค้าแล้ว 40% และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50% ภายในสิ้นปีนี้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top