นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ รับอานิสงส์ตัวเลข PCE เดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่อยู่ที่ระดับ 6.6% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และตอกย้ำเฟดขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า จึงหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น ให้แนวรับ 1,630-1,633 จุด และแนวต้าน 1,650-1,655 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในต่างประเทศ เนื่องจากได้อานิสงส์ตัวเลขดัชนีราคาใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ เดือนเม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค. ที่อยู่ที่ระดับ 6.6% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525 ทำให้ตลาดฯ มองว่าเงินเฟ้อสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และค่าเงินดอลลาร์ก็กลับมาอ่อนค่า จึงส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกให้ปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ดีเดิมตลาดคาดว่าในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% แต่จากตัวเลข PCE ดังกล่าว ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ตามที่เคยกล่าวไว้ ที่ 0.5% ประกอบกับค่าเงินบาทก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) กลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทย
แนะสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ , MSCI Rebalance ในวันที่ 31 พ.ค.65 และการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 2 มิ.ย.65
ให้แนวรับไว้ที่ 1,630-1,633 จุด และแนวต้าน 1,650-1,655 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (27 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,212.96 จุด พุ่งขึ้น 575.77 จุด หรือ +1.76%ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,158.24 จุด พุ่งขึ้น 100.40 จุด หรือ +2.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,131.13 จุด พุ่งขึ้น 390.48 จุด หรือ +3.33%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,092.82 จุด พุ่งขึ้น 311.14 จุด หรือ +1.16%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,933.50 จุด เพิ่มขึ้น 236.14 จุด หรือ +1.14% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,141.96 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด หรือ +0.37%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 พ.ค.) ที่ระดับ 1,638.75 จุด เพิ่มขึ้น 5.02 จุด, +0.31%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 999.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.(26 พ.ค.)เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 115.07 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 4.3% ในรอบสัปดาห์นี้
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 พ.ค.) อยู่ที่ 20.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.10 แข็งค่าตามทิศทางตลาด คลายกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ-จับตา Flow ไหลเข้า
– “สุพัฒนพงษ์” สั่งเร่ง ดึงลงทุน “อีวี” ชี้ “เทสล่า” ยังไม่สรุปลงทุนอินโดฯ “ชโยทิต” ดันลงทุน 3.6 แสนล้าน ชี้ค่ายรถญี่ปุ่นพร้อมปักหลักลงทุนไทยใน 2 ปี พร้อมเร่งดึงค่ายยุโรป-สหรัฐใช้กลยุทธ์ ดีมานด์ในประเทศ มั่นใจอีโคซิสเต็ม เอื้อลงทุน “คณิศ” ชี้มาตรการสนับสนุนของไทยดีสุดในอาเซียน
– นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาวิเคราะห์การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามข้อเรียกร้องของภาคเอกชน หลังภาคเอกชนได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้เลื่อนและลดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 ออกไปก่อน เพื่อลดภาระประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงที่ต้องเผชิญวิกฤติโควิดและวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน “ตอนนี้ภาษีที่ดินมีผลบังคับใช้และมีการจัดเก็บภาษีไปแล้ว ดังนั้น สศค.ต้องไปศึกษาวิเคราะห์และหารือกับกระทรวงมหาดไทย ว่ามีแนวทางใดที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชนเรื่องภาษีที่ดินได้ เพราะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายได้ของท้องถิ่นที่จะนำรายได้จากภาษีไปพัฒนาท้องถิ่น ดังนั้น ต้องหารือกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อความรอบคอบ”
– กกพ.เปิดแผนลุยโครงการโซลาร์ภาคประชาชนปี 65 มั่นใจประชาชนจ่อเข้าร่วมเพียบ ตั้งเป้า 10 เมกะวัตต์ เผยยอดโครงการล่าสุดตั้งแต่ปี 62 มีผู้เข้าร่วมซื้อขายไฟแล้วหลัก 1,000 ราย ปริมาณรวมกว่า 7 เมกะวัตต์
– “ขั้วรัฐบาล” ผนึกกำลังสู้ โหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 66 ปธ.วิปรัฐบาลมั่นใจเสียงเหนียวแน่น “บุญสิงห์” ยันจุดยืนพรรคเศรษฐกิจไทยผ่านวาระแรก “เพื่อไทย” ลั่นซักฟอกงบซื้อเครื่องบินรบ F-35 “พิธา” ซัดไม่ตอบโจทย์ฟื้นฟูโควิด “สร้างอนาคตไทย” ชำแหละ 8 จุดอ่อนจัดสรรงบฯ
หุ้นเด่นวันนี้
– TOP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 63 คาดความต้องการใช้น้ำมันดิบและสำเร็จรูปในภูมิภาคเพิ่มขึ้นหลังจากจีนเตรียมคลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ 1 มิ.ย. นี้ และเตรียมคลายล็อกกรุงปักกิ่งบางส่วน เป็นบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่น
– MAJOR (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 24 บาท คาดกำไรกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในไตรมาส 2/65 -ไตรมาส 3/65 จาก Lineup หนังทำเงินดังหลายเรื่อง ได้แก่ Doctor Strange, Top Gun, Jurassic World, Thor เป็นต้น เราคาดผลการดำเนินงานปี 2565 พลิกกลับมามีกำไร 729 ลบ.จากขาดทุน 528 ลบ.ปีก่อน ราคาหุ้นมีโอกาส Outperform จากกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/65 และเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป
– MINT (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 41.00 บาท)น้ำหนักการฟื้นตัวที่มีโอกาสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง YoY โดย Core Revenue ช่วงไตรมาส 1/65 ปรับตัวสูงขึ้น +66%YoY ขณะที่ทิศทางในช่วงถัดไปยังคาดว่าธุรกิจโรงแรมโดยรวมจะมี RevPar ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณในเดือน เม.ย. ซึ่งถ้าหากเทียบกับปีปกติใน 2562 แล้ว RevPar เม.ย.65 จะอยู่ที่ -5% (ปรับตัวดีขึ้นจาก เม.ย.64 ที่ -83%) ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับเข้าสู่ปกติโดยเฉพาะโซนยุโรป(ที่มีสัดส่วนห้องอยู่ราว 60% ) ขณะที่ธุรกิจ Food มีแรงหนุนจากร้านอาหารในไทยช่วงไตรมาส 1/65 แต่ได้รับผลกระทบลบจากการล็อกดาวน์ในจีนและออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามคาดว่าประเด็น Covid-19 จะมีน้ำหนักน้อยลงในช่วง 2H65 ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 65 MINT มีโอกาสที่จะพลิกกลับมีกำไรได้ที่ 0.24 บ./หุ้น หลังจากขาดทุนต่อเนื่องในปี 64 และ 63 ที่ -2.83 บ./หุ้น และ -4.71 บ./หุ้น ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย