นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจเหมืองบิทคอยน์ หลังจากบริษัทและพันธมิตรในสปป.ลาว ได้รับสัมปทานการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเข้ามาอีก 40 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถรองรับเครื่องขุดบิทคอยน์ได้ราว 12,000 เครื่อง โดยจะลงทุนในพื้นที่เมืองเวียงจันท์ตอนใต้
แต่รูปแบบการดำเนินธุรกิจจะปรับเปลี่ยนมาเป็นการให้เช่า/ฝากเครื่องขุดบิทคอยน์ให้กับนักลงทุนหรือภาคธุรกิจที่สนใจ โดยที่บริษัทจะเป็นผู้ลงทุนพื้นที่รองรับการติดตั้งเครื่องขุดและบริการดูแลเครื่องขุด โดยผลตอบแทนในการให้บริการจะเป็นรูปแบบการแบ่งบิทคอยน์ที่ขุดได้ เช่น การแบ่งในสัดส่วน 50:50 ซึ่งอยู่ระหว่างพิจาณากำหนดค่าตอบแทนในการให้บริการ
นายกวิน กล่าวว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 300 ล้านบาท โดยธุรกิจเหมืองบิทคอยน์จะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีความสามารถการทำกำไรในระดับสูง
ทั้งนี้ ธุรกิจเหมืองบิทคอยน์จะกลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทในปีนี้ ขณะที่วางเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากการขุดเหมืองบิทคอยน์จะเพิ่มเป็น 70% ในปี 66 ส่วนอีก 30% จะมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่บริษัทมีกำลังการผลิต 80.45 เมกะวัตต์ และรายได้จากการบริหารพื้นที่เช่าในโครงการ One Central Tower ในกัมพูชา พื้นที่ 24,000 ตารางเมตร
แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะเห็นการเติบโตสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะรับรู้รายได้จากธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ในลาวเข้ามามากขึ้น หลังจากที่เริ่มขุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค.65 และเริ่มทยอยขายบิทคอยน์ออกไปบางส่วนในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้เข้ามาในงบไตรมาส 2/65
และรายได้ในธุรกิจนี้จะเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 3/65 ตามกำลังการขุดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทจะติดตั้งเครื่องขุดบิทคอยน์ครบ 6,000 เครื่องครบตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ได้รับสัมปทานมา 20 เมกะวัตต์ สามารถขุดได้เฉลี่ย 2.8 BTC/วัน และปัจจุบันบริษัทมีจำนวนบิทคอยน์อยู่ที่ 83 BTC
ด้านธุรกิจเพาะปลูกกัญชงและกัญชา ซึ่งบริษัทมีการร่วมทุนกับพันธมิตร คือ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป (GTG) ในสัดส่วน 14.4% นั้นปัจจุบันมีความล่าช้าในเรื่องการเตรียมความพร้อมขายกัญชงและกัญชา เนื่องจากการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่คาด ทำให้การเริ่มขายและรับรู้รายได้เข้ามาล่าช้าจากแผนเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าการขายต้นกัญชงและกัญชาในตลาดเอเชียจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 3/65 และรับรู้รายได้เข้ามาในทันที ส่วนตลาดยุโรปจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 4/65 โดยบริษัทจะมีส่วนแบ่งกำไรเข้ามาจากการถือหุ้นในสัดส่วน 14.4% ราว 40-50 ล้านบาทในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 65)
Tags: UPA, กวิน เฉลิมโรจน์, ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย, หุ้นไทย