นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนให้คำมั่นว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและผลักดันให้เศรษฐกิจกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งรักษาดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจให้คงอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ที่ประชุมคณะผู้บริหารของสภาแห่งรัฐจีนซึ่งนำโดยนายหลี่นั้นระบุว่า เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง และบริษัทต่าง ๆ ก็กำลังประสบกับความยากลำบาก ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจีนจึงเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น การตอบสนองอย่างทันท่วงที การปรับใช้แนวคิดการพัฒนารูปแบบใหม่อย่างเต็มที่ และความร่วมมือในการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐบาลจีนได้ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ นำการตัดสินใจของที่ประชุการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกลาง (Central Economic Work Conference) และนโยบายที่กำหนดไว้ในรายงานงานกรอบการดำเนินงานของรัฐบาล (Government Work Report) ไปปฏิบัติโดยเร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ นายหลี่ยังกล่าวว่า “การผลิตพลังงาน ปริมาณการขนส่ง และปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ต่างก็ปรับตัวลงตั้งแต่เดือนเม.ย. หากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไม่มีการเติบโต เสถียรภาพการจ้างงานก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ดี ข้อดีอย่างหนึ่งในขณะนี้คือจีนไม่ได้เผชิญกับปริมาณเงินที่สูงเกินไปในระบบและการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเครื่องมือด้านนโยบายของจีนยังคงมีประสิทธิภาพ”
ที่ผ่านมานั้นเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของจีนร่วงลง 11.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 6.1% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ลดลง 2.9% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 และชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 14.7%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 65)
Tags: GDP, จีน, ล็อกดาวน์, หลี่ เค่อเฉียง, เศรษฐกิจจีน