นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อภาคการเกษตรจากการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้เสนอแผนพัฒนาด้านการประมงในพื้นที่แม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน (66-70) และได้รับความเห็นชอบจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อต้นเดือนพ.ค. ให้ดำเนินการตามแผนเป็นฉบับแรกของประเทศ เพื่อป้องกันและรองรับปัญหาการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ ที่เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนริมแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้กรมประมงเดินหน้าขับเคลื่อน 8 โครงการ ดังนี้
1. โครงการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงเพื่อสร้างรายได้
2. โครงการส่งเสริมอาชีพประมง กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเกษตรกร
3. โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม
4. โครงการปล่อยปลาเอิน (ปลายี่สกไทย) คืนสู่แม่น้ำโขง
5. โครงการ “ประมงอาสาพาปลากลับบ้าน ในพื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ” ด้วยชุดอุปกรณ์เพาะฟักแบบเคลื่อนที่ (Mobile hatchery)
6. กิจกรรมการติดตามผลจับสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง และการศึกษาความชุกชุมและความหลากหลายสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง ประเทศไทย (FADM)
7. กิจกรรมบริหารจัดการทรัพยากรประมงเชิงระบบนิเวศ (EAFM) ชุมชนประมงแม่น้ำโขง
8. โครงการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพระบบนิเวศแหล่งปลาหน้าวัดบริเวณแม่น้ำโขง
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า แม่น้ำโขงมีการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ จากภาวะระดับน้ำขึ้นน้ำลงแบบฉับพลันในช่วงเดือนก.พ. และเดือนมี.ค. 65 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ จึงมีมติมอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการศึกษาและนำเสนอระบบการติดตามและแจ้งข่าวสาร (Monitor & Information) เพื่อติดตามปัญหาการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในลุ่มน้ำโขง ที่กระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนลุ่มน้ำโขง และควรออกแบบระบบใหม่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต Next Normal
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ จัดการประชุมหารือเครือข่ายภาคประชาสังคมลุ่มน้ำโขง และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำข้อเสนอประเด็นปัญหา และแนวทางแก้ไขเสนอต่อคณะกรรมการฯ และรมว.เกษตรฯ เพื่อพิจารณาเสนอในการประชุมประมงเอเปค (APEC) ในวาระที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ในเดือนพ.ย. นี้
ทั้งนี้ ต้องไม่มีประเด็นการเมืองในประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจ มาเกี่ยวข้องในการสัมมนาดังกล่าว ซึ่งตัวแทนเครือข่ายลุ่มน้ำโขงภาคประชาสังคม และตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิก็เห็นด้วย เนื่องจากมีความพยายามโยงเรื่องการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาแม่น้ำโขงกับการเมืองระหว่างประเทศ จนเกิดความเข้าใจผิดและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของฝ่ายต่างๆ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบรายงานการจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นใน 8 จังหวัดริมน้ำโขง ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และเชียงราย ตลอดจนรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และขยายพลับพลึงธารที่พบในจังหวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ เดือนก.ย. 64 จนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นพืชน้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเดิมพบแต่ในจังหวัดพังงา และระนอง
ขณะเดียวกัน มอบหมายให้กรมประมงติดตามตรวจสอบเครื่องมือประมง ที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นเครื่องมือทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง ตลอดจนการส่งเสริมการเลี้ยงสาหร่ายเป็นอาหาร เวชสำอาง และเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งสาหร่ายทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ยังช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซเรือนกระจก ช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 65)
Tags: กรมประมง, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, อลงกรณ์ พลบุตร, แม่น้ำโขง