หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาค กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง-ทำ QT ฉุดสภาพคล่อง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค กังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรง หรืออย่างน้อย 0.5% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้งถัดไป และการทำ QT ที่ระดับ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน จะส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ให้แนวรับ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,622 จุดให้แนวรับ 1,615 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยถูกกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย. และก.ค.

ขณะเดียวกันเฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งการทำ QT ครั้งนี้ ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ให้แนวรับ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,622 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,490.07 จุด ร่วงลง 1,164.52 จุด หรือ -3.57%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,923.68 จุด ลดลง 165.17 จุด หรือ -4.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,418.15 จุด ลดลง 566.37 จุด หรือ -4.73%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,435.32 จุด ร่วงลง 475.88 จุด หรือ -1.77% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,146.96 จุด ร่วงลง 497.32 จุด หรือ -2.40% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,046.71 จุด ลดลง 39.27 จุด หรือ -1.27%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 พ.ค.) ที่ระดับ 1,620.33 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด, +0.36%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,398.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(18 พ.ค.)ลดลง 2.81 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 109.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 พ.ค.) อยู่ที่ 19.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.63/68 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 34.55-34.75 ตลาดจับตาข้อมูลศก.สหรัฐ

– นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า อยู่ที่ระดับ 86.2 ปรับตัวลดลงจากระดับ 89.2 ในเดือน มี.ค. และเป็นค่าดัชนีฯ ต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่ ธ.ค.2564 โดยองค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ โดยปัจจัยที่ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงานรวมถึงค่าขนส่ง ขณะที่กำลังซื้อในประเทศชะลอตัวจากปัญหาเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลง

– รัฐเร่งดันดิจิทัลอินฟราสตรัคเจอร์ติดปีกเศรษฐกิจไทย “ชัยวุฒิ” ลั่นดัน “ดิจิทัล ไอดี-ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ปลดล็อกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ชี้ดิจิทัลอินฟราฯไทยอยู่ในเกณฑ์ดี ติดอันดับโลกหลายด้าน อันดับ 1 โมบายแบงกิ้ง อันดับ 2 โมบายเพย์เม้นท์ และอันดับ 3 อีคอมเมิร์ซ คาดปี 73 เศรษฐกิจดิจิทัลไทยมีสัดส่วน 30% ของจีดีพี ด้าน “หัวเว่ย” ชี้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเร็วในหลายมิติ แรงขับเคลื่อนสำคัญหลังยุคโควิด-19

– ศูนย์ข้อมูล ธอส.ปรับลดตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ โต 9.1% เหตุยังเจอปัจจัยลบ คาดปี’67 ฟื้น ตลาดคอนโดกลับมารอบใหม่หลังสต๊อกลดลง เผยต่างชาติยังช้อปอสังหาฯไทย เศรษฐีกัมพูชามาแรง ทุ่มซื้อ 400 ล้าน แพงสุดยูนิตละ 130 ล้าน อนันดาลุย 7 โครงการใหม่ รับเปิดประเทศ

– นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำนักสำรวจและออก แบบได้ดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบ ทางหลวงหมาย เลข 4 (ถนนเพชรเกษม) สาย อ.กะเปอร์-อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ระยะทาง 25.8 กม. งบประมาณ 1,930 ล้านบาท เพื่อขยายเส้นทางดังกล่าว จากเดิมมีขนาด 2 ช่องจราจร ให้มีขนาด 4 ช่องจราจร โดยคาดว่าเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2568 แล้วเสร็จในปี 2571 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้

– CKP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 6.50 บาท ทยอยซื้อก่อนเข้าสู่ High Season ในช่วงฤดูฝนขณะที่ราคายังอยู่ในโซนล่าง นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจาการเซ็นสัญญาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,400MW จะเป็น Upside ให้กับ CKP

– BEM (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.62 บาท ตัวเลขผู้ใช้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าค่อยๆฟื้นตัวขึ้นโดยเดือน เม.ย. +16% YoY และ 21% YoY ตามลำดับ ผสานการเปิดเทอมแบบ onsite การกลับมาทำงานที่ Office มากขึ้น รวมทั้งยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นจะเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม อีกทั้งจะมีเงินปันผลรับช่วงไตรมาส 2/65 และความคาดหวังรถไฟสายสีส้มเป็น upside เพิ่มเติม

– ADVANC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 233 บาท ปัจจัยหนุนราคาดคือ 1) การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน 2) การควบรวมตลาดเน็ตบ้านที่อาจเกิดขึ้น และ 3) สภาพแวดล้อมการแข่งขันมือถือที่ดีขึ้นจากการควบรวม ระหว่าง DTAC และ TRUE ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรปกติในปี 2565-2567 ตามเดิมเนื่องจากเราคาดว่า โมเมนตัมของเศรษฐกิจจะดีขี้นและสภาพแวดล้อมของการแข่งขันจะผ่อนคลายในไตรมาสต่อๆไป ในเชิงราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ของ ADVANC -5% ยัง laggard เทียบกับ DTAC -3% , TRUE -5% และ SET index -2.2% โดยราคาหุ้นซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 2565 ที่ 8.89 เท่า ซึ่งอยู่ที่ค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top