นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TCMC) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาสที่ 1/65 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 2,394.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,838.69 ล้านบาท คิดเป็น 30.22% และมี EBITDA จำนวน 167.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 63.60% ส่งผลให้มีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 54.02 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 15.29 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 19.16 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 34.11 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/65 นี้เป็นผลจากตลาดที่เริ่มฟื้นกลับมาหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการทยอยฟื้นตัว และการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งในด้านกระบวนการผลิตและบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งยังคงมีความต้องการของตลาด และจากคำสั่งซื้อที่คงค้างมาจากปลายปี 64
อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาดูผลกระทบจากความท้าทายใหม่ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์ระหว่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อราคาพลังงานโลก ทำให้ค่าขนส่ง และต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น การขาดแคลนวัตถุดิบในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ การลงทุนในตลาดทุน การฟื้นตัวเดินทางท่องเที่ยวของผู้คนภายในโลก และกำลังซื้อ ซึ่งล้วนมีผลสืบเนื่องกันอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) ในไตรมาส 1/65 สามารถทำยอดขายได้ดี ผลกำไรสุทธิที่ 92.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 7.27 ล้านบาท คิดเป็น 1,178.15% เป็นผลมาจากความต้องการซื้อที่ยังคงสูงอยู่ และยังมีออเดอร์คงค้าง รอการส่งมอบต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า รวมถึงมีรายได้จากการจำหน่ายธุรกิจ Arlo Living ที่ประเทศอังกฤษ และกำไรจากสัญญาอนุพันธ์
นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริหารจัดการเรื่องต้นทุนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมการให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในอนาคต รวมถึงปัจจัยท้าทายอื่น ๆ ที่ไม่อาจควบคุมได้ อาทิ ปัญหาความล่าช้าในการขนส่งระหว่างประเทศ และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และแรงงาน ขนส่งต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาสูงจากเรื่องอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก ประกอบกับภาวะความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้น (TCM Flooring) รายได้จากการขายและบริการจำนวน 384.20 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 26.11% เป็นผลจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ รวมถึงการพยายามเปิดตลาดใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะยังไม่สามารถกลับมาเท่ากับข่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม อย่างไรก็ตามจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นและต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์ตลาดที่บางส่วนยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้คำสั่งซื้อยังเข้ามาไม่มากพอ และค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 36.07% เป็น 31.05%
รวมถึงในไตรมาสแรกของปีก่อนหน้ามีการลดเงินเดือนพนักงานและตัดค่าใช้จ่ายหลายรายการ ทำให้อัตราต้นทุนอยู่ในระดับต่ำกว่าสถานการณ์ปกติ แต่เมื่อคิดเป็นอัตราส่วนต่อยอดขายยังสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ 6% จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของการทำงานให้สอดคล้องกับปริมาณงานที่มีอยู่ และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ ทำให้กลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้นมีผลขาดทุนสุทธิ 56.71 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 49.28 ล้านบาท
ทางด้านกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) มีผลกำไรสุทธิ 17.85 ล้านบาท คิดเป็น 8.85% ของยอดขาย แม้กลุ่มธุรกิจมียอดขายลดลงจาก 222.43 ล้านบาท เหลือ 201.72 ล้านบาทจากปริมาณคำสั่งซื้อที่ยังไม่เพียงพอ และอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรกนี้ ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิพประมวลผลและชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ และจากความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้มีโรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งหยุดดำเนินการชั่วคราว จากการขาดแคลนชิ้นส่วนผลิต หรือมีวัตถุดิบหลักที่ต้องใช้จากผู้ผลิตที่มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความขัดแย้ง หรือตัวโรงงานผลิตเองที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์และผลกระทบอื่น ๆ ต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 75.53% สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีสัดส่วน 71.33% ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด กลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้นมีสัดส่วนคิดเป็น 16.05% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีสัดส่วน 16.57% ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์มีสัดส่วนคิดเป็น 8.42% ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีสัดส่วน 12.10% ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด
จากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นว่าบริษัทและพนักงาน บุคลากรทุกคนได้พยายามและให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการบริหารและดำเนินธุรกิจให้ราบรื่นเพื่อฝ่าฟันกับอุปสรรค ความเปลี่ยนแปลงและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ สร้างรายได้ที่เติบโตและสร้างผลกำไรให้บริษัทและผู้ถือหุ้น
และในช่วงที่เหลือของปี บริษัทยังคงเดินหน้าปรับแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งเราพร้อมที่จะเดินเครื่องการผลิตรับคำสั่งซื้อและการฟื้นตัวของโลก ตอบรับข่าวดีการเปิดประเทศของหลาย ๆ ประเทศและการปรับการดำเนินชีวิตสู่ความปกติบทต่อไป (Next Normal) ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19 ซึ่งจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นในอนาคตอันใกล้
“โดยเราเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการอื่น ๆ จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ และจะเริ่มมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาในทุกกลุ่มธุรกิจของเรา ซึ่งนอกจากเราจะมุ่งสู่การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกแล้ว เรายังมุ่งดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการมุ่งแสวงหาผลกำไร ทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่หยุดยั้งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิต ทั้งยังคงมองหาโอกาส และมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TCMC กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 65)
Tags: TCMC, ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น, ปิยพร พรรณเชษฐ์, หุ้นไทย