จีนยากที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้ประสบความสำเร็จแบบเดียวกับที่เคยกลับมาฟื้นตัว หลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรกเมื่อสองปีก่อน เนื่องจากระดับการส่งออกที่ไม่มั่นคงและทางเลือกต่าง ๆ ในการฟื้นฟูการลงทุนและการบริโภคอ่อนแรงลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์และคนวงในที่เกี่ยวข้องกับนโยบายว่า ปัจจัยข้างต้นอาจทำให้เหล่าผู้นำจีนต้องยอมรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% สำหรับปีนี้แบบเงียบ ๆ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายปัจจุบันของจีนที่ประมาณ 5.5% รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวแบบชะลอตัวลงในลักษณะตัว “U” แทนการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบตัว “V”
นักลงทุนต่างวิตกกังวลว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอันยืดเยื้อในจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลกอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงอีก และทำให้ภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทานที่กำลังย่ำแย่กระตุ้นความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
การคาดการณ์ดังกล่าวนั้นสวนทางอย่างมากจากเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากการหดตัวเนื่องจากผลพวงของโรคระบาด โดยได้รับอานิสงส์จากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออกที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากประชาชนทั่วโลกที่เก็บตัวอยู่ในบ้านท่ามกลางโรคระบาดหันมาซื้อสินค้าจีน
“เศรษฐกิจและวัฏจักรโควิด-19 ของจีนมีความแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ย้อนไปในปี 2563 จีนควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในการฟื้นตัวด้านการผลิตอย่างรวดเร็วจนได้รับผลประโยชน์มหาศาล” แหล่งข่าวด้านนโยบายผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่งกล่าว
“ขณะนี้ทั่วโลกเริ่มผ่อนปรนมาตรการจำกัด แต่เราเห็นผลกระทบเชิงลบจากจีนเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากจีนคุมเข้มนโยบายสกัดโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายนอก ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อการค้าต่างประเทศของจีน”
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนระบุว่า เป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ตั้งแต่ก่อนที่การบังคับใช้มาตรการสกัดโควิด-19 เป็นวงกว้างในนครเซี่ยงไฮ้และเมืองสำคัญอื่น ๆ ของจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 65)
Tags: จีน, เศรษฐกิจจีน