นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/65 บริษัท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 89.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 27 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 1,651.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 249% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 473.9 ล้านบาท
และยังเป็น new high ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยรายได้เติบโตขึ้น 32% และกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 17% จากไตรมาส 4/64 โดยปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากปริมาณและความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/64 ซึ่งทำให้ค่าระวางในการขนส่งสินค้ายังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะการขนส่งไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป รวมทั้งบริษัทมีการขยายจำนวนลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและบริษัทมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้สามารถบริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
“ในไตรมาส 1/65 บริษัทยังคงสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดี สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/64 ถึง 30% จึงทำให้ยอดขายในไตรมาส 1/65 เติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/64 อย่างมาก กอปรกับธุรกิจโลจิสติกส์ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น เพราะความต้องการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศของผู้นำเข้าหรือส่งออกยังมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังการคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ในปี 65 บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตจากธุรกิจเดิม 20-25% ถ้ารวมธุรกิจใหม่จะเติบโตประมาณ 30-35% โดยได้เสริมความแข็งแกร่งการให้บริการอย่างครบวงจร ด้วยการเปิดให้บริการ LEO Self-Storage#2 Chinatown บนถนนเจริญกรุง ซอย 31 โดยเปิดให้ห้องเก็บของรูปแบบใหม่ “LIFESTYLE STORAGE” แห่งแรกในเมืองไทย ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยได้เปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม มีลูกค้าสนใจสอบถามและเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทางบริษัทยังเพิ่มบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สองของ YJCD นั้นตั้งอยู่ถนนบางนา กม. 21 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงพื้นที่ และจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 2/65
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนงาน ที่จะทำการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ ASEAN โดยสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านแผนการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) นอกเหนือจากบริษัท เวิร์ลแอร์ โลจิสติกส์ จำกัด และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัทตามแผนงาน
นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยการร่วมมือกับพันธมิตร “China Post” โดยมีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบิน China Post Airline ที่บินระหว่างกรุงเทพ- คุนหมิง เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันและส่งเสริมการเพิ่มยอดการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีนให้มากขึ้น รวมถึงโครงการขนส่งสินค้าโดยรถไฟจากประเทศจีนมายังสปป.ลาว ซึ่งได้เริ่มทดลองให้บริการแล้ว ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบระบบเรื่องของพิธีการกรมศุลกากรและการนำสินค้าเข้าสู่ประเทศไทยโดยทางรถบรรทุก หากทาง China Post และ LEO สามารถทดสอบและพัฒนาระบบจนสมบูรณ์แล้ว คาดว่าจะสามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปประเทศจีนได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000-1,200 ตู้ สร้างรายได้ให้กับบริษัทไม่ต่ำกว่าปีละ 120-150 ล้าน และมีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์และระวางการขนส่งไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยว่า 25-30% ช่วยยกระดับเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน ซึ่งความสำเร็จจากโครงการทั้งหมดนี้ สามารถตอกย้ำว่า LEO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ อย่างครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างแท้จริง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 65)
Tags: LEO, ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์, หุ้นไทย, เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์