นายไมเคิล ฮาร์ต ประธานหอการค้าอเมริกันในจีน (AmCham China) เตือนในวันนี้ (17 พ.ค.) ว่า การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดของจีนนั้น จะขัดขวางการลงทุนจากต่างชาติตลอดช่วงหลายปีข้างหน้า เนื่องจากการจำกัดการเดินทางได้ปิดกั้นการเดินหน้าโครงการธุรกิจต่าง ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถ้อยแถลงของนายฮาร์ตในการเปิดเผยรายงานประจำปีของหอการค้าอเมริกันในจีนว่า แทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า บรรดาบริษัทอเมริกันกำลังถอนตัวออกจากตลาดจีน แต่กระบวนการวิจัยที่ใช้เวลานานหลายปีและการตรวจสอบสถานะของโครงการต่าง ๆ ถูกชะลอออกไป
“เรารู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการลงทุนในจีนที่ดำเนินการอยู่และการลงทุนในอนาคตของบริษัทอเมริกันและต่างชาติ เพราะผู้คนไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากผลกระทบของมาตรการจำกัดโควิด-19”
“การบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในปีนี้ และมาตรการจำกัดตลอด 2 ปีที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบนาน 3 – 5 ปี โดยมีแนวโน้มอย่างยิ่งว่าเราจะเห็นการลงทุนจากต่างชาติลดน้อยลง”
ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกยกเลิกการบังคับใช้มาตรการจำกัดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว แต่จีนได้สั่งจำกัดเที่ยวบินขาเข้าอย่างเข้มงวด และยืนกรานใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพยากรด้านสุขภาพของประเทศแบกรับภาระหนักจนเกินไป
นายฮาร์ตระบุว่า มาตรการจำกัดดังกล่าวทำให้บริษัทต่างชาติที่มีห่วงโซ่อุปทานในจีนเริ่มพิจารณาหาทรัพยากรทางเลือกเพื่อลดภาวะติดขัด
รายงานของหอการค้าอเมริกันในจีนบ่งชี้ว่า มาตรการจำกัดการเดินทาง, กฎเกณฑ์แบบเลือกปฏิบัติ และกฎระเบียบด้านความมั่นคงทางไซเบอร์นั้น ล้วนเป็นข้อกังวลหลักของธุรกิจสหรัฐ
หอการค้าอเมริกันในจีนเผยแพร่ผลสำรวจในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเตือนเรื่องการไหลออกของบุคลากรต่างชาติในจีน เพราะมาตรการโควิด-19 และการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า 58% ของสมาชิกของหอการค้าได้ปรับลดการคาดการณ์รายได้สำหรับปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 65)
Tags: ล็อกดาวน์, หอการค้าอเมริกัน, ไมเคิล ฮาร์ต