บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2565 มีมติให้บริษัทฯ เข้าลงนามในบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding) กับ Asia Investment And Financial Services Sole Company Limited บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของสปป.ลาว (AIF) สำหรับการร่วมทุนในธุรกิจให้บริการพื้นที่และสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency Mining) ในลาว
โดยจะเป็นการสร้างโรงงานซึ่งมีระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ครบวงจร เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบระบายความร้อน ทีมพนักงาน และ พื้นที่ตั้งเครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อให้บริการกับเจ้าของเครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซีที่ประสงค์จะใช้บริการโดยการแบ่งปันผลประโยชน์เป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่ขุดได้ซึ่งสามารถรองรับเครื่องขุดคริปโทเคอร์เรนซีด้วยกำลังไฟฟ้าถึง 40 เมกะวัตต์ (MW) จำนวน 12,000 เครื่อง โดยมีกรอบการลงทุนเบื้องต้นที่ 500 ล้านบาท
การเข้าลงนามใน MOU ฉบับนี้เป็นเพียงการแสดงเจตนาและกำหนดรายละเอียดเบื้องต้นของการลงทุนในบริษัทร่วมทุนเท่านั้น โดยคู่สัญญาจะเจรจาและตกลงเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของการร่วมลงทุน โดยละเอียดในสัญญาระหว่างคู่สัญญาต่อไป ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุนดังกล่าวยังไม่มีความแน่นอน โดยบริษัทจะรายงานความคืบหน้าให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป
นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UPA เปิดเผยว่า การขยายการลงทุน ในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายการลงทุน ในลักษณะให้บริการพื้นที่และสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency Mining ) ภายใต้จำนวนเครื่อง 12,000 เครื่อง กำลังผลิตไฟฟ้า 40 เมะวัตต์ ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่และยังเติบโตได้ และเชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัล จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มผลักดันอนาคตเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด อีกทั้งจะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจพลังงาน
สำหรับไตรมาส 2/65 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้มีการทยอยติดตั้งเครื่องครบ จำนวน 6,000 เครื่อง กำลังผลิตไฟฟ้า 20 เมะวัตต์ และการซื้อไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ เพื่อสำรองการขยายโครงการ ที่เหมืองที่เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว ตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะจำนวน 4,000 เครื่องในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามการรับรู้รายได้จากเครื่องขุดที่มีจำนวนมากขึ้น
UPA มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 306.56 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง และจะเป็นรายได้หลักบริษัทในปีนี้ โดยวางเป้าหมายธุรกิจคริปโทฯ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และในปี 66 คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้แตะ 70% อีก 30% จะมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าและอื่นๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 65)
Tags: Cryptocurrency, UPA, คริปโทเคอร์เรนซี, บิทคอยน์, ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย, สินทรัพย์ดิจิทัล, หุ้นไทย