นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีทิศทางเป็นลบจากหลายปัจจัยกดดัน ทั้งทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า แนะติดตามเงินเฟ้อสหรัฐเดือน เม.ย. หากออกมาตามคาดที่ 8.1% มองช่วยพลิก Sentiment การลงทุนชะลอการปรับฐานดัชนีได้ พร้อมให้แนวรับที่ 1,585-1,590 จุด และแนวต้าน 1,620 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีทิศทางเป็นลบจากหลายปัจจัยเข้ามากดดัน ทั้งทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ว่าจะออกมาที่ระดับ 8.1% ได้ตามตลาดคาดหรือไม่ ซึ่งจะต่ำกว่าเดือน มี.ค. ที่ 8.5% จะเป็นส่วนช่วยพลิก Sentiment การลงทุนและช่วยชะลอการปรับฐานของดัชนีได้
“วันนี้มองดัชนีเป็นลบจากหลายปัจจัย และนักลงทุนยังมีความกังวลในเรื่องของต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอาจจะกระทบผลประกอบการให้เติบโตไม่ได้เร็วเหมือนตลาดคาด ซึ่งหากจะเปลี่ยนบรรยากาศของลงทุนกาศการลงทุน อัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ต้องออกมาในระดับที่ต่ำกว่า 8.5% ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว”
นายกิจพล กล่าว
พร้อมให้แนวรับที่ 1,585-1,590 จุด และแนวต้าน 1,620 จุด
บล.เคทีบีเอสที คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลงต่อ ตัวแปรต่างประเทศ (ยูเครน-ดอกเบี้ย-เศรษฐกิจ) ยังถ่วงตลาด ตัวแปรที่กดดันตลาด และยังไม่คลี่คลาย คือสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และการ lockdown ของจีน โดยเรามองว่า การตัดสินใจของ เฟดถูกชี้นำด้วยตัวแปรทั้งสองที่ยังไม่ดีขึ้น ตลาดจึงน่าจะยังมีความกลัวต่อ ว่า เฟดและธนาคารกลางประเทศต่างๆ จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย กระทบต่อราคาในสินทรัพย์ต่างๆ เพราะนักลงทุนจะหันมาถือเงินสดเป็นหลัก
ตัวแปรภายในประเทศเป็นเรื่องของการรายงานงบช่วงสัปดาห์สุดท้าย (ส่งงบวันสุดท้าย 17 พ.ค.) มองว่าแรงเข้าเก็งกำไรหุ้นรายตัวน้อยลง จากภาพรวมตลาดที่ดูจะไม่ค่อยดี
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (9 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,245.70 จุด ร่วงลง 653.67 จุด หรือ -1.99%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,991.24 จุด ลดลง 132.10 จุด หรือ -3.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,623.25 จุด ลดลง 521.41 จุด หรือ -4.29%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,149.06 จุด ลดลง 170.28 จุด หรือ-0.65% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,300.68 จุด ร่วงลง 701.28 จุด หรือ -3.51% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,965.78 จุด ลดลง 38.36 จุด หรือ -1.28%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ค.) ที่ระดับ 1,604.49 จุด ลดลง 25.09 จุด, -1.54%
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 415.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(9พ.ค.) ร่วงลง 6.68 ดอลลาร์ หรือ 6.1% ปิดที่ 103.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ค.) อยู่ที่ 21.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.63 แนวโน้มอ่อนค่าต่อ หลังนลท.ปิดรับความเสี่ยงหนุนดอลลาร์แข็งค่า
– กบน.กัดฟันตรึงดีเซลลิตรละ 32 บาทต่ออีก 1 สัปดาห์ ยันไม่เกี่ยวการเมืองชี้องค์ประกอบกรรมการหนุนทำงานอิสระ มั่นใจสถานะทางการเงินยังพยุงไหว ระบุเตรียมเสนอ กบง.ปรับลดสัดส่วน B5 ลงอีก 2% ด้านคลังบรรจุวงเงินกู้ 3 หมื่นล้าน อุ้มกองทุนน้ำมัน เข้างบปี 65
– กสทช.จัด “โฟกัสกรุ๊ป” รอบแรก ถกผลดีผลเสีย ดีลควบรวมทรูดีแทค ไร้สองผู้บริหาร บริษัทใหญ่ มีเพียงส่งตัวแทนให้ความเห็น ระบุ เห็นดีให้รวมกิจการ เพราะบางพื้นที่สัญญาณไม่ดี ด้าน “เอไอเอส” ฟาดหนัก ระบุ กสทช.ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ทำลูกค้าเสียประโยชน์ คลื่นความถี่กระจุกตัว ชี้ หาก กสทช.ยอมให้เกิดการควบรวม ต้องหามาตรการเยียวยาเอไอเอสด้วย จับตาดีลแสนล้านอาจต้องจบที่ศาล
– สธ.ประกาศลดระดับ เตือนภัยโควิด-19 จาก 4 เหลือ 3 ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เดินหน้าเข้าสู่โรคประจำถิ่น “ศปก.ศบค.” ถก 12 พ.ค. ชงผ่อนคลายมาตรการ “ผับ-บาร์” ผู้ประกอบการร้อง นายกฯ เลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ” เอกชนขอทดลองเปิดผับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 28 จังหวัด 1 มิ.ย. ก่อนขยายทั่วประเทศ 1 ก.ค. พร้อมโรคประจำถิ่น
– “พาณิชย์” หนุนรัฐเร่งวางกลยุทธ์ดึงญี่ปุ่นใช้สิทธิ FTA-RCEP ปักหมุดลงทุนไทย ส่งเสริมอุตสาหกรรม BCG ชูธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พลังงานสะอาด
หุ้นเด่นวันนี้
– PSL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 25.0 บาท PSL ประกาศงบไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 1,294 ล้านบาทลดลง 27%qoq แต่เพิ่มขึ้น 245%yoy และมากกว่าที่เราคาดไว้ 50% ขณะที่วันนี้ยังได้อานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) พุ่งแรงอีก 113 (+4.16%) ปิดที่ระดับ 2,831 ทำสถิติสูงสุดของปีนี้
– EPG (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.30 บาท หนึ่งในหุ้นกลุ่ม Anti-Oil ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับฐาน เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันของจีนลดลง 4.8% ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. หลังจากที่จีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ และบางส่วนของกรุงปักกิ่ง ด้านแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 64/65 (ม.ค.-มี.ค.) ทรงตัวได้ดีทั้ง QoQ, YoY แม้ถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ได้รับการชดเชยจากยอดขายกลุ่มฉนวน Aeroflex ที่ฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์ COVID คลี่คลาย อีกทั้งได้ผลบวกจากการเพิ่มกำลังการผลิต และการปรับราคาขาย ส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์ EPP ฟื้นตัวรับการเปิดประเทศ ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ Aeroklas ชะลอตัวลงบ้าง เพราะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิป และสถานการณ์ด้านการขนส่ง
– SISB (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท ประเมินรายได้ปี 65 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จำนวนนักเรียนแตะระดับ 4 พัน คน และได้ประโยชน์จากนโยบาย รร. เปิด on site ทั่วกทม. หนุนรายได้กิจกรรม ทยอยเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง ส.ค. นี้เปิดสาขาธนบุรีเฟส 2 600 คน ส่วนปี 2566 เตรียมเปิดสาขานนทบุรีเฟส 1 หนุน Capacity แตะระดับ 5,645 คน (เพิ่มอีก 1,000 คน) Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 เฉลี่ยที่ 254 ลบ. และ 348 ลบ. +22%YoY, +37%YoY ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 65)
Tags: กิจพล ไพรไพศาลกิจ, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย