นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการยื่นร้องว่าการประมูลโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกรมธนารักษ์เซ็นสัญญาสัมปทาน 30 ปี กับบริษัทเอกชนรายหนึ่งมีความไม่โปร่งใส ไม่ผ่านระบบ e-bidding และอยู่ในระหว่างรอคำพิพากษาศาลปกครองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้กระทรวงการคลังตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ ต้องรอให้กรมธนารักษ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จึงเป็นเหตุให้มีการเลื่อนการเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งต้องหาข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรม ว่ามีใครได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีที่กรมธนารักษ์เลื่อนการเซ็นสัญญาในวันนี้ออกไป จะเกี่ยวข้องกับการนำเรื่องดังกล่าวมาโยงกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่ว่า เมื่อกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เห็นกระแสความไม่เข้าใจคงไปตรวจสอบดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะตลอด 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่ได้รับสัมปทาน จ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐประมาณ 552 ล้านบาท เมื่อกรมธนารักษ์เปิดประมูลใหม่ บริษัทที่แข่งขันให้ผลประโยชน์กับรัฐ 25,000 ล้านบาท
“มากกว่ากี่เท่าก็คำนวณไม่ถูก เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ตรงนี้ ต้องถามบริษัทที่แพ้ประมูลว่า ในอดีตที่ผ่านมา 30 ปี เงินเหล่านี้ไปไหนหมด ซึ่งเป็นข้อสำคัญที่ต้องไปตรวจสอบ”
นายสันติ กล่าว
ส่วนกรณีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมจะนำประเด็นดังกล่าวมาอภิปรายไม่ไว้วางใจกับฝ่ายค้านนั้น กรมธนารักษ์ ได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนแล้ว การให้ข้อมูลที่ไม่ใช่ความจริง ถ้าพูดแบบส่วนตัวก็ว่าไป แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เพราะการประปาส่วนภูมิภาค ถือหุ้นอยู่ 40% ดังนั้น จึงเป็นบริษัทเอกชนที่อยู่ในตลาดหุ้น ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ และไม่สามารถไปเอื้ออะไรได้
ขณะที่การแข่งขันราคาก็เห็นโดยชัดเจนว่า บริษัทที่แพ้ประมูลได้ให้ประโยชน์กับรัฐในระยะเวลา 30 ปี ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ส่วนบริษัทที่ชนะประมูล ให้ผลประโยชน์กับรัฐ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากนี้จะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิที่จะทำ
นายสันติ ยืนยันว่าพร้อมชี้แจงประเด็นนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในเมื่อมีข้อทักท้วง 2-3 ประเด็นที่ปรากฎอยู่ ในฐานะรัฐก็จะต้องนำข้อมูลเหล่านั้นมาตรวจสอบดูว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการไป การแข่งขันต่างๆ ตรงไปตรงมาหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่ EASTW ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ขอให้คุ้มครองถึง 3 ครั้ง และศาลปกครองก็ยกคำร้องทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าการที่กรมธนารักษ์ยกเลิกการประมูลในครั้งแรกทำถูกต้องแล้ว ตามสิทธิและหน้าที่
ส่วนจะเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ในสภาเองหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ต้องดูว่าคณะกรรมการที่อธิบดีกรมธนารักษ์ตั้งขึ้นนั้น ตรวจสอบว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 65)
Tags: EEC, คกก., ท่อส่งน้ำ, ธนกร วังบุญคงชนะ, สันติ พร้อมพัฒน์